การผสานการทำงาน CRM ข้อมูลลูกค้าที่ทำการคอนเวอร์ชั่น

คุณอาจมีการตั้งค่า API คอนเวอร์ชั่นของ Meta ไว้อยู่แล้วเพื่อให้ธุรกิจสามารถอัพโหลดเหตุการณ์บนเซิร์ฟเวอร์สำหรับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ หากคุณกำลังใช้ Facebook/Instagram ในการสร้างข้อมูลลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวเป็นยอดขายได้ คุณก็สามารถใช้ API คอนเวอร์ชั่นเพื่ออัพโหลดเหตุการณ์แบบออฟไลน์จากระบบการจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้เช่นกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การดำเนินการนี้เป็นการผสานการทำงานที่แยกจากการตั้งค่า API คอนเวอร์ชั่นในปัจจุบันของคุณ เนื่องจากจะมีพารามิเตอร์ที่จำเป็นแตกต่างกัน รวมถึงข้อมูลก็มาจากระบบ CRM ของคุณแทนที่จะเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์

การผสานการทำงาน CRM ของคุณและการใช้เป้าหมายการปรับให้เหมาะสมกับข้อมูลลูกค้าที่ทำการคอนเวอร์ชั่นอาจช่วยให้ได้ข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นและมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเกิดการคอนเวอร์ชั่น ในปัจจุบัน เป้าหมายการปรับให้เหมาะสมนี้จะใช้ได้เฉพาะกับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม (แบบฟอร์มข้อมูลลูกค้า) ของ Facebook/Instagram เท่านั้น

คุณควรมีการผสานการทำงานไว้อยู่แล้วเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลลูกค้าจาก Meta ไปยัง CRM ของคุณ (ไฮไลท์เป็นสีเขียวในรูปภาพด้านล่าง) คู่มือแบบครบวงจรนี้จะให้คำแนะนำแก่คุณในทุกขั้นตอนของกระบวนการผสานการทำงาน CRM เพื่อส่งข้อมูลเหตุการณ์ช่วงท้ายของกระบวนการตัดสินใจจาก CRM ของคุณกลับไปยัง Meta (ไฮไลท์เป็นสีแดงในรูปภาพด้านล่าง)

ตรวจสอบว่าฟีเจอร์นี้เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่

ก่อนจะเริ่มทำงานกับการผสานการทำงานข้อมูลลูกค้าที่ทำการคอนเวอร์ชั่น คุณควรตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณเหมาะที่จะใช้รูปแบบการปรับให้เหมาะสมนั้นๆ หรือไม่ โดยรายการด้านล่างนี้คือแนวทางบางส่วนที่เราพิจารณาในการผสานการทำงาน

  • ใช้โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม (แบบฟอร์มข้อมูลลูกค้า) ของ Facebook/Instagram
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการแมป ID ข้อมูลลูกค้าบน Meta ที่มี 15-16 หลักเข้ากับ CRM ของคุณ
  • สร้างข้อมูลลูกค้าอย่างน้อย 200 รายการต่อเดือน
  • สามารถอัพโหลดข้อมูลได้เป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน
  • ระยะของข้อมูลลูกค้าที่คุณต้องการปรับให้เหมาะสมนั้นเกิดขึ้นภายในช่วง 28 วันนับตั้งแต่ที่สร้างข้อมูลลูกค้าดังกล่าวขึ้น
  • ระยะของข้อมูลลูกค้าที่คุณต้องการปรับให้เหมาะสมนั้นมีอัตราคอนเวอร์ชั่นอยู่ระหว่าง 1% - 40%

วางแผนไทม์ไลน์ให้กับโปรเจ็กต์ของคุณ

หากคุณเชื่อว่าธุรกิจเหมาะที่จะใช้การปรับให้เหมาะสม คุณสามารถใช้ไทม์ไลน์โดยประมาณนี้เพื่อวางแผนโปรเจ็กต์ได้ ซึ่งระยะเวลาที่จะให้ผลตอบแทน (Time to Value) โดยประมาณสำหรับโปรเจ็กต์อยู่ที่ 3 เดือนโดยอิงตามข้อมูลที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์จริงอาจแตกต่างออกไป เนื่องจากผู้ลงโฆษณาบางรายอาจผสานการทำงานเสร็จสิ้นภายในเวลาประมาณ 1 เดือน หรืออาจเกิดความล่าช้าที่ทำให้โปรเจ็กต์นี้ใช้เวลาหลายเดือนก็ได้ ไทม์ไลน์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามทรัพยากรที่มีให้ใช้ในการตัดสินใจและจัดการปัญหาเกี่ยวกับการผสานการทำงาน

หัวข้อคำอธิบายเจ้าของงานระยะเวลาโดยประมาณ

1: การเชื่อมต่อ CRM ของคุณกับโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

ดาวน์โหลดข้อมูลลูกค้าจาก Facebook โดยอัตโนมัติ

ผู้ลงโฆษณา

ข้อกำหนดเบื้องต้น

2: การเริ่มต้นผสานการทำงาน CRM

สร้างหรือเลือกพิกเซลของ Meta สำหรับเหตุการณ์ CRM

ผู้ลงโฆษณา

0.25 ชม.

3: การปรับใช้การผสานการทำงาน CRM

เชื่อมต่อ CRM ของคุณผ่าน API คอนเวอร์ชั่น

ผู้ลงโฆษณา

3-4 สัปดาห์*

4: ตรวจสอบยืนยันข้อมูลของคุณ

รอการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

Meta

1 สัปดาห์

5: กำหนดค่ากระบวนการขายของคุณ

กำหนดค่าเหตุการณ์ต่างๆ ในกระบวนการขายภายใน CRM ของคุณ

ผู้ลงโฆษณา

0.5 ชม.

6: ขั้นตอนการติดตามผล

รอการวิเคราะห์กระบวนการและช่วงเวลาการฝึกสอน

Meta

1-2 เดือน

เผยแพร่แคมเปญโฆษณาแบบกรอกฟอร์มสำหรับคอนเวอร์ชั่นที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมอย่างเต็มรูปแบบ

ผู้ลงโฆษณา

ระยะเวลาที่จะให้ผลตอบแทน (Time to Value) โดยรวม

ประมาณ 3 เดือน

* ระยะเวลาสำหรับขั้นตอนนี้ลดลงได้ด้วยการผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์
** คุณสามารถเผยแพร่แคมเปญโฆษณาแบบกรอกฟอร์มสำหรับคอนเวอร์ชั่นได้ในระหว่างช่วงเวลาการฝึกสอน แต่คุณจะไม่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเต็มที่จนกว่ากระบวนการนี้จะเสร็จสิ้น

บทบาทและความรับผิดชอบ

บทบาทต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในโปรเจ็กต์จะแสดงไว้ที่ด้านล่างนี้ โปรดทราบว่าบทบาทต่างๆ อาจรวมเข้าด้วยกันหรือแยกออกจากกันได้โดยขึ้นอยู่กับองค์กรของคุณ

บทบาทความรับผิดชอบ

ทีมการตลาดและทีมขาย

  • โดยทั่วไปแล้ว บทบาทที่เป็นผู้เริ่มโปรเจ็กต์และระบุบุคลากรที่จำเป็นในองค์กรนั้นจำเป็นต้องดำเนินการผสานการทำงานให้แล้วเสร็จ
  • มีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับกระบวนการด้านการตลาดและการขายเพื่อกำหนดขั้นตอน
  • มีสิทธิ์การอนุญาตต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงานในตัวจัดการโฆษณาและตัวจัดการเหตุการณ์ของ Meta
  • สร้างการผสานการทำงานระหว่าง CRM ของคุณกับ Meta หากจะดำเนินการผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์ เช่น Zapier ต่อไป

ผู้ดูแล CRM

  • มีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับช่องและความสามารถต่างๆ ของ CRM
  • สร้างช่องและขั้นตอนที่กำหนดเองขึ้นมาใหม่ภายใน CRM (หากจำเป็น)
  • สนับสนุนนักการตลาดและผู้พัฒนาตลอดกระบวนการผสานการทำงาน

ผู้พัฒนา

  • สร้างการผสานการทำงานระหว่าง CRM ของคุณกับ Meta หากจะดำเนินการผสานการทำงานด้วยตนเองต่อไป
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการผสานการทำงานด้วยตนเองทำงานอย่างถูกต้อง