การเริ่มต้นใช้งานร้านค้าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการช่วยให้ผู้ขายสามารถผสานการทำงานเข้ากับแพลตฟอร์มการค้าของ Meta ได้ การเริ่มต้นใช้งานที่ราบรื่นจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของผู้ขายเป็นปัจจุบัน ข้อมูลคำสั่งซื้อได้รับการซิงค์อย่างเหมาะสม ง่ายต่อการกระทบยอดรายไตรมาสหรือรายปี และข้อมูลธนาคารและการรับชำระเงินได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสมเพื่อให้การรับชำระเงินและการรายงานเป็นไปแบบตรงเวลา
ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม/โซลูชั่นจากภายนอก:
คุณจำเป็นต้องผสานการทำงานกับส่วนขยาย Facebook Business (FBE) เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ด้านคุณภาพของการผสานการทำงานของร้านค้าของเรา ด้วยการทำให้ผู้ขายสามารถทำสิ่งต่อไปนี้
ส่วนขยาย Facebook Business (FBE) เป็นอินเทอร์เฟซแบบป๊อปอัพของ Meta ที่อยู่ในเว็บไซต์จากภายนอกในฐานะปลั๊กอิน และทำให้กระบวนการผสานการทำงานกับ Meta โดยรวมง่ายขึ้น ซึ่ง FBE ช่วยให้ธุรกิจสามารถตั้งค่าพิกเซลของ Meta, แค็ตตาล็อก และร้านค้าได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมต่อสินค้าและบริการของตนกับช่องทาง Facebook และ Instagram บนแพลตฟอร์มของคุณได้ เมื่อเชื่อมต่อแล้ว คุณจะสามารถช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นใช้ชุดฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพจำนวนมากได้
กล่าวสั้นๆ ก็คือ การแยกความรับผิดชอบต่างๆ ในการผสานการทำงานที่ใช้ FBE มีดังที่ระบุไว้ด้านล่างนี้
เมื่อตั้งค่าแล้ว ธุรกิจทั้งหมดของคุณจะสามารถเริ่มขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน FBE โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่หรือจะเลือกสร้างสินทรัพย์ขึ้นมาใหม่ หรือทั้ง 2 อย่างรวมกันก็ได้
สร้างจุดเข้าใช้งาน FBE ที่ผู้ใช้จะเลือก จัดการ หรือสร้างสินทรัพย์ของตน (เช่น ธุรกิจ, แค็ตตาล็อก, ร้านค้า, พิกเซล ฯลฯ) ซึ่งจุดเข้าใช้งานเหล่านี้สามารถอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งต่อไปนี้
https://facebook.com/dialog/oauth? client_id=<FB_APP_ID> &display=page &redirect_uri="https://partner-site.com/redirectlanding" &response_type=token &scope=manage_business_extension // additionally use catalog_management or ads_management // &scope=manage_business_extension,catalog_management,ads_management &extras={ "setup": { "external_business_id": "foo-123", "timezone": "America/Los_Angeles", "currency": "USD", "domain": "https://example-shop.partner-site.com/", "channel": "ECOMMERCE", "business_vertical": "ECOMMERCE" }, "business_config": { "business": { "name": "Foo Business" }, "catalog_feed_scheduled": { "enabled": true, "feed_url": "https://partner-site.com/feed-url" }, "page_cta": { "enabled": true, "cta_button_text": "Shop Now", "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business", "below_button_text": "Powered by FBE Partner" }, "ig_cta": { "enabled": true, "cta_button_text": "Shop Now", "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business" }, "messenger_menu": { "enabled": true, "cta_button_text": "Shop Now", "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business" } }, "repeat": false }
คุณสามารถรับโทเค็นการเข้าถึงของธุรกิจสำหรับขั้นตอนภายหลังได้หลายวิธีดังนี้ โดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าที่คุณเลือก
Webhooks เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพาร์ทเนอร์ทุกรายที่ต้องการจะปรากฏใน App Store หากคุณไม่ได้มีแผนที่จะให้แอพของคุณอยู่ใน App Store คุณสามารถเลือกที่จะไม่สนใจส่วนนี้หรือกลับมาดูอีกครั้งในภายหลังได้ Meta จะส่งเหตุการณ์ Webhook ทุกครั้งที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งของคุณติดตั้ง แก้ไข หรือถอนการติดตั้ง FBE ซึ่งในแต่ละครั้งที่ได้รับเหตุการณ์ Webhook เราจะคาดหวังให้แอพของคุณใช้งานเหตุการณ์นี้และเข้าใจว่าธุรกิจได้แก้ไข เพิ่ม หรือลบสินทรัพย์ใดบ้างออกจากการเชื่อมต่อกับแอพของคุณ ทั้งนี้ ลักษณะการทำงานของแอพควรอัพเดตตามสินทรัพย์ที่มีการเชื่อมต่อล่าสุด เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณใช้และทดสอบการสมัครรับข้อมูล Webhook ของเรา
วิธีตั้งค่า Webhook
หลังจากตั้งค่าแล้ว ระบบจะสมัครรับข้อมูล Webhook fbe_install
โดยอัตโนมัติ
โปรดดูขั้นตอนเพิ่มเติมโดยละเอียดที่ Webhook
เมื่อได้รับการแจ้งเตือน Webhook ให้ทราบถึงการติดตั้งแล้ว คุณจะต้องดำเนินการดังนี้
เมื่อได้รับข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับการติดตั้งที่มีอยู่แล้ว คุณจะต้องดำเนินการดังนี้
เมื่อได้รับการแจ้งเตือนให้ทราบถึงการถอนการติดตั้งแล้ว คุณจะต้องดำเนินการดังนี้
คุณสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของคุณผ่าน FBE ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง (หรือทั้งสองวิธี) จากสองวิธีต่อไปนี้
fbe_installs
คุณสามารถเรียกใช้ตำแหน่งข้อมูล API การติดตั้ง FBE เพื่อดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่าโดยใช้โทเค็นการเข้าถึงของธุรกิจและ ID ธุรกิจภายนอกคุณต้องตั้งค่าวิธีการเหล่านี้อย่างน้อย 1 วิธี โดยระบบจำเป็นต้องได้รับ ID สินทรัพย์ธุรกิจเพื่อกำหนดค่าฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องสำหรับธุรกิจอย่างเหมาะสม
curl -i -X GET \ "https://graph.facebook.com/<version>/fbe_business/fbe_installs?fbe_external_business_id=<external business id>&access_token=<access token sanitized>"
หลังจากที่ผู้ใช้ติดตั้ง FBE แล้ว ส่วนขยายจะสร้างผู้ใช้ระบบที่เป็นพนักงานบนตัวจัดการธุรกิจของลูกค้า โปรดทราบว่า ผู้ใช้ระบบนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ในตัวจัดการธุรกิจอีกต่อไป แต่จะมีอยู่ในแบ็กเอนด์ การตั้งชื่อสำหรับผู้ใช้ระบบใหม่นี้เป็นไปตามสกีมา {App Name} ผู้ใช้ระบบ (FBE)
โทเค็นผู้ใช้ระบบและสิทธิ์การเข้าถึง API ดังกล่าวไม่ได้เชื่อมโยงกับบุคคลเพียงคนเดียว ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในกรณีที่พนักงานออกจากบริษัทหรือปิดใช้งานโปรไฟล์ของตน หากคุณได้รับโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ผ่าน Webhook หรือการเข้าสู่ระบบธุรกิจหลังจากติดตั้ง FBE คุณสามารถใช้โทเค็นเดียวกันนี้เพื่อรับโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบของตัวจัดการธุรกิจได้
โดยให้เรียกใช้ API ต่อไปนี้
curl -X POST \ -F 'app_id={app_id}' \ -F 'scope=ads_management,catalog_management,manage_business_extension' \ -F 'access_token={user_access_token}' \ -F 'fbe_external_business_id={fbe_external_business_id}' \ https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/<client_business_manager_id>/access_token
สำหรับช่อง scope
ให้ใช้สิทธิ์การอนุญาต manage_business_extension
และอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิ์การอนุญาต ads_management
, catalog_management
, pages_read_engagement
, business_management
, instagram_basic
และ manage_business_extension
ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรณีการใช้งานของคุณ (โปรดดูขั้นตอนที่ 5)
ads_management
ซึ่งสิทธิ์การอนุญาตนี้จะทำให้คุณสามารถสร้างแคมเปญโฆษณา ดึงข้อมูลเกณฑ์ชี้วัดโฆษณา สร้างเครื่องมือการจัดการโฆษณา และอื่นๆ อีกมากมายได้ catalog_management
เราขอแนะนำให้ใช้สิทธิ์การอนุญาตนี้กับทุกแอพ ซึ่งสิทธิ์การอนุญาตนี้จะทำให้แอพของคุณสามารถสร้างโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับการค้า โฆษณาแบบไดนามิก และการจัดการสินค้าคงคลังได้คุณสามารถนำธุรกิจไปยังมุมมองการจัดการฟีเจอร์ของ FBE ของเราจากแพลตฟอร์มของคุณได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถกำหนดค่าฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ (นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในการติดตั้ง) โดยคุณสามารถใช้ JavaScript SDK หรือ URL เพื่อเพิ่มจุดเข้าใช้งานในการเปิดใช้มุมมองการจัดการ FBE ทั้ง 2 วิธีนี้จำเป็นต้องแสดงปุ่มสำหรับคลิก ซึ่งจะเปิดหน้าต่างมุมมองการจัดการ FBE ขึ้นมา
แพลตฟอร์มของคุณควรเพิ่มจุดเข้าใช้งาน (เช่น ปุ่ม) เพื่อให้ธุรกิจถอนการติดตั้ง FBE ได้ ทั้งนี้ เราขอแนะนำให้เพิ่มโดยส่งคำขอ DELETE
ไปยังตำแหน่งข้อมูลที่เหมาะสม
ตัวอย่าง: การเรียกใช้ไปยังตำแหน่งข้อมูลการลบของเรา
curl -X DELETE \ "https://graph.facebook.com/v<API_VERSION>/fbe_business/fbe_installs?fbe_external_business_id=<FBE_EXTERNAL_BUSINESS_ID>&access_token=<ACCESS_TOKEN>"
หากคุณใช้ Webhook fbe_install
คุณจะได้รับเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อผู้ใช้ถอนการติดตั้ง FBE