คู่มือนี้อธิบายขั้นตอนที่พาร์ทเนอร์โซลูชั่นต้องดำเนินการเพื่อนำเสนอ Cloud API ให้แก่ลูกค้า ขั้นตอนหลักมี 4 ขั้นตอน ดังนี้
หลังจากที่คุณดำเนินการเสร็จสิ้น โปรดติดตามการอัพเดตรายเดือน
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้น เราขอแนะนำให้อ่านข้อมูลจากเอกสารประกอบสำหรับผู้พัฒนาและคอลเลกชั่น Postman ของเรา ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของ Cloud API รวมถึงวิธีเริ่มต้นใช้งานและย้ายหมายเลข
คุณต้องใช้การสมัครใช้งานแบบฝังเพื่อช่วยลูกค้าใหม่ในการเริ่มต้นใช้งาน Cloud API หากคุณยังไม่ได้ใช้การสมัครใช้งานแบบฝัง ให้ผสานการทำงานและเปิดใช้การสมัครใช้งานแบบฝัง การสมัครใช้งานแบบฝังคือวิธีที่รวดเร็วและง่ายที่สุดในการลงทะเบียนลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเริ่มส่งข้อความได้ในเวลาไม่เกิน 5 นาที
ถัดไป คำนึงว่าคุณต้องการย้ายลูกค้ารายใดไปยัง Cloud API เป็นอันดับแรก โดยทั่วไป เราแนะนำว่าให้ย้ายลูกค้าทุกรายจาก On-Premises API ไปยัง Cloud API แต่ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายอาจแตกต่างกันไป เมื่อคุณคำนึงว่าจะย้ายลูกค้ารายใด ให้พิจารณารายการต่อไปนี้
ข้อควรพิจารณา | บริบทเพิ่มเติม |
---|---|
Cloud API รองรับปริมาณงานและปริมาณข้อความของลูกค้าของฉันได้หรือไม่ | Cloud API รองรับปริมาณงานสูงสุดสะสมที่ 250 ข้อความ/วินาที รวมถึงข้อความ/สื่อทั้งขาเข้า/ขาออก สำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ |
Cloud API เป็นไปตามความต้องการในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของลูกค้าของฉันหรือไม่ | Cloud API สอดคล้องกับ GDPR และมีใบรับรอง SOC 2 โดยโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาเหนือและยุโรป |
Cloud API รองรับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ลูกค้าของฉันใช้หรือไม่ | API ระบบคลาวด์รองรับฟีเจอร์หลักส่วนใหญ่ โปรดดูรายการทั้งหมดที่นี่ |
เมื่อคุณรู้ว่ากำลังจะย้ายใคร คุณสามารถสร้างแผนและไทม์ไลน์การย้ายได้
เมื่อคุณสร้างแผน พึงจำไว้ว่าให้ออกแบบระบบสำหรับ 2 สถานการณ์ ได้แก่ การช่วยลูกค้าในการเริ่มต้นใช้งานและการย้ายลูกค้าปัจจุบันจาก On-Premises API ไปยัง Cloud API สำหรับสถานการณ์การย้าย ให้รวมแผนการสำรองอินสแตนซ์ภายในองค์กรปัจจุบันและย้ายหมายเลขเหล่านั้นไปยัง Cloud API
ก่อนอื่น คุณจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะแจ้งเรื่องการย้ายกับลูกค้าปัจจุบันหรือไม่ แล้วคุณควรตัดสินใจว่าคุณจำเป็นต้องสร้างหรืออัพเดตเอกสารใดๆ เพื่อสนับสนุนการตั้งค่า Cloud API หรือไม่
เนื่องจาก Meta ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านโฮสติ้งสำหรับ Cloud API คุณจึงควรตัดสินใจว่าคุณอยากจะอัพเดตราคาของคุณตามนั้นหรือไม่
พาร์ทเนอร์โซลูชั่นจำเป็นต้องมีองค์ประกอบต่อไปนี้เพื่อใช้ Cloud API
องค์ประกอบ | คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจง |
---|---|
ตัวจัดการธุรกิจ | คุณสามารถใช้รายการที่มีอยู่ หรือตั้งค่ารายการใหม่ บันทึก ID ตัวจัดการธุรกิจ |
บัญชี WhatsApp Business (WABA) | โปรดดูหัวข้อสร้างบัญชี WhatsApp Business สำหรับ WhatsApp Business API เพื่อรับความช่วยเหลือ |
หากคุณไม่มีแอพ คุณจะต้องสร้างแอพโดยใช้ประเภทเป็น “ธุรกิจ” แล้วอย่าลืมเพิ่มชื่อที่แสดงและอีเมลติดต่อไปยังแอพของคุณ ในฐานะ (พาร์ทเนอร์โซลูชั่น) แอพของคุณต้องผ่านการตรวจสอบแอพและขอ Advanced Access สำหรับสิทธิ์การอนุญาตต่อไปนี้
ดูตัวอย่างข้อมูลที่ส่งเพื่อรับการตรวจสอบแอพได้ที่นี่ ในฐานะพาร์ทเนอร์โซลูชั่น คุณยังสามารถใช้แอพ Meta เดียวกันสำหรับลูกค้าและ WABA ต่างๆ ได้ตามต้องการอีกด้วย แต่โปรดทราบว่าแต่ละแอพจะมีตำแหน่งข้อมูล Webhook ได้เพียงรายการเดียวเท่านั้น และทุกแอพจะต้องผ่านการตรวจสอบแอพ | |
ผู้ใช้ระบบ | โปรดดูหัวข้อเพิ่มผู้ใช้ระบบไปยังตัวจัดการธุรกิจของคุณเพื่อรับความช่วยเหลือ ในปัจจุบัน แอพ Meta ที่มีสิทธิ์การอนุญาต
เราขอแนะนำให้ใช้ผู้ใช้ระบบที่เป็นผู้ดูแลสำหรับการปรับใช้ในระยะใช้งานจริง โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่หัวข้อเกี่ยวกับบทบาทและสิทธิ์การอนุญาตของตัวจัดการธุรกิจ |
หมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจ | หมายเลขนี้คือหมายเลขโทรศัพท์ที่ธุรกิจจะใช้ในการส่งข้อความ หมายเลขโทรศัพท์จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันผ่าน SMS/การโทรด้วยเสียง สำหรับพาร์ทเนอร์โซลูชั่นและธุรกิจโดยตรง: หากคุณต้องการใช้หมายเลขของคุณเอง คุณควรเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ไว้ในตัวจัดการ WhatsApp และตรวจสอบยืนยันหมายเลขด้วยตำแหน่งข้อมูลในการตรวจสอบยืนยันผ่าน API กราฟ สำหรับธุรกิจที่ใช้พาร์ทเนอร์โซลูชั่น: หากคุณต้องการใช้หมายเลขของคุณเอง คุณควรเพิ่มและตรวจสอบยืนยันหมายเลขของธุรกิจนั้นๆ โดยใช้ขั้นตอนการสมัครใช้งานแบบฝังของพาร์ทเนอร์โซลูชั่น สถานะตรวจสอบยืนยันของหมายเลขโทรศัพท์จะไม่ส่งผลต่อการย้ายระหว่าง API ระบบคลาวด์กับภายในองค์กร หากคุณไม่มีสิทธิ์เข้าถึงการสมัครใช้งานแบบฝังเพื่อตรวจสอบยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ เราขอแนะนำให้ตรวจสอบยืนยันหมายเลขโทรศัพท์โดยใช้โซลูชั่นภายในองค์กร จากนั้นให้ย้ายหมายเลขเหล่านั้นไปยัง API ระบบคลาวด์ คุณสามารถนำหมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจมาใช้งานกับ Cloud API ได้แบบไม่จำกัดจำนวน หมายเลขโทรศัพท์ 1 หมายเลขจะนำมาใช้กับแพลตฟอร์มได้ครั้งละ 1 แพลตฟอร์มเท่านั้น กล่าวคือต้องใช้ 1 หมายเลขสำหรับ API ระบบคลาวด์ และอีก 1 หมายเลขสำหรับระบบในองค์กร นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับใช้งานจริงกับทั้ง API ภายในองค์กรและ API ระบบคลาวด์ได้ เราขอแนะนำให้คุณทำการทดสอบใดๆ ก็ตามกับหมายเลขโทรศัพท์ทดสอบ (หมายเลขทดสอบซึ่งมีอยู่แล้วหรือหมายเลขใหม่ก็ได้) จากนั้นจึงย้ายหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเองไปยัง API ระบบคลาวด์เมื่อมั่นใจว่าคุณพร้อมสำหรับการใช้งานจริงแล้ว |
หมายเลขโทรศัพท์ของผู้บริโภค | หมายเลขนี้คือหมายเลขโทรศัพท์ที่กำลังใช้แอพ WhatsApp ของผู้บริโภคอยู่ในปัจจุบัน หมายเลขนี้จะใช้รับข้อความที่ส่งมาจากหมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจของคุณ |
หากต้องการเข้าใช้งาน Cloud API สำหรับการส่งข้อความของ WhatsApp Business คุณจะต้องยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการของแพลตฟอร์ม WhatsApp Business ในนามของธุรกิจของคุณเสียก่อน
ในการดำเนินการดังกล่าว ให้ไปที่ตัวจัดการ WhatsApp และยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการในแบนเนอร์ข้อมูล
หากคุณเป็นพาร์ทเนอร์เบต้าสำหรับ Cloud API อยู่แล้ว คุณจะมีระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ซึ่งหมายความว่าคุณต้องยอมรับข้อกำหนดก่อนวันที่ 5 กรกฎาคม 2022 ไม่เช่นนั้น คุณจะเสียสิทธิ์การเข้าถึง
สำหรับธุรกิจที่ใช้ Cloud API รายใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่ย้ายมาจาก On-Premises API คุณจะต้องยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการก่อนจึงจะสามารถเริ่มใช้ Cloud API ได้ การโทรติดต่อเพื่อลงทะเบียนจะไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าคุณจะยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการ
คุณซึ่งเป็นผู้พัฒนาจำเป็นต้องยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการ หากคุณเป็นพาร์ทเนอร์โซลูชั่น คุณไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าของคุณยอมรับข้อกำหนดดังกล่าว
การเรียกใช้ API กราฟจะใช้โทเค็นการเข้าถึงเพื่อยืนยันตัวตน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่โทเค็นการเข้าถึง เราขอแนะนำให้ใช้ผู้ใช้ระบบของคุณในการสร้างโทเค็น
วิธีสร้างโทเค็นการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ระบบมีดังนี้
whatsapp_business_management
และ whatsapp_business_messaging
คลิก "สร้างโทเค็น"คุณสามารถรับการแจ้งเตือน HTTP แบบเรียลไทม์จากแพลตฟอร์ม WhatsApp Business ได้ด้วยการตั้งค่า Webhooks ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับการแจ้งเตือน อย่างเช่น เมื่อคุณได้รับข้อความจากลูกค้าหรือมีการเปลี่ยนแปลงในบัญชี WhatsApp Business (WABA) ของคุณ
ในการตั้งค่า Webhook คุณจำเป็นต้องสร้างเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วย URL ที่ตรงตามข้อกำหนดของ Meta และ WhatsApp โปรดดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดำเนินการดังกล่าวที่การสร้างตำแหน่งข้อมูล หากคุณต้องการตำแหน่งข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบ คุณสามารถสร้างตำแหน่งข้อมูล Webhooks แบบทดสอบได้
เมื่อตำแหน่งข้อมูลพร้อมใช้งาน ให้กำหนดค่าตำแหน่งข้อมูลที่แอพ Meta จะใช้
ในแดชบอร์ดของแอพ ให้ค้นหาผลิตภัณฑ์ WhatsApp แล้วคลิก "การกำหนดค่า" จากนั้น ค้นหาส่วนของ Webhooks แล้วคลิก "กำหนดค่า Webhook" หลังจากคลิก กล่องโต้ตอบจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของคุณและขอให้คุณระบุ 2 รายการต่อไปนี้
หลังจากเพิ่มข้อมูลแล้ว ให้คลิก "ตรวจสอบยืนยันและบันทึก"
กลับไปที่แดชบอร์ดของแอพ แล้วคลิก WhatsApp > การกำหนดค่าในแผงด้านซ้าย ให้คลิก "จัดการ" ซึ่งอยู่ใต้ Webhooks กล่องโต้ตอบจะเปิดขึ้นมาพร้อมอ็อบเจ็กต์ทั้งหมดที่คุณสามารถรับการแจ้งเตือนได้ หากต้องการรับข้อความจากผู้ใช้ ให้คลิก "สมัครรับข้อมูล" สำหรับข้อความ
คุณจำเป็นต้องตั้งค่า Webhooks เพียงครั้งเดียวเท่านั้นสำหรับทุกแอพพลิเคชั่นที่คุณมีอยู่ คุณสามารถใช้ Webhooks เดียวกันเพื่อรับเหตุการณ์หลายประเภทจากบัญชี WhatsApp Business หลายบัญชีได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ส่วน Webhooks ของเรา
ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม แอพ Meta แต่ละแอพจะมีตำแหน่งข้อมูลที่กำหนดค่าไว้ได้เพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น หากคุณจำเป็นต้องส่งการอัพเดต Webhook ไปยังหลายตำแหน่งข้อมูล คุณจะต้องมีแอพ Meta หลายแอพ
ในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการแจ้งเตือนสำหรับบัญชีที่ถูกต้อง ให้ตั้งค่าแอพของคุณให้ติดตามข้อมูล ดังนี้
curl -X POST \
'https://graph.facebook.com/v19.0
/WHATSAPP_BUSINESS_ACCOUNT_ID/subscribed_apps' \
-H 'Authorization: Bearer ACCESS_TOKEN'
หากคุณได้รับการตอบกลับด้านล่างนี้ ระบบจะส่งเหตุการณ์ Webhooks ทั้งหมดสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ภายใต้บัญชีนี้ไปยังตำแหน่งข้อมูล Webhooks ที่คุณกำหนดค่าไว้
{ "success": true }
ในการส่งข้อความ คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่คุณต้องการใช้ นั่นคือ หมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจที่เราได้กล่าวถึงในส่วนก่อนเริ่มต้น
คุณต้องหา ID ของหมายเลขโทรศัพท์นั้นให้พบก่อนจึงจะดำเนินการลงทะเบียนต่อไปได้ หากต้องการรับ ID ของหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ ให้ทำการเรียกใช้ API ต่อไปนี้
curl -X GET \
'https://graph.facebook.com/v19.0
/WHATSAPP_BUSINESS_ACCOUNT_ID/phone_numbers' \
-H 'Authorization: Bearer ACCESS_TOKEN'
หากคำขอสำเร็จ การตอบกลับจะมีหมายเลขโทรศัพท์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อไว้กับ WABA ของคุณ ดังนี้
{ "data": [ { "verified_name": "Jasper's Market", "display_phone_number": "+1 631-555-5555", "id": "1906385232743451", "quality_rating": "GREEN" }, { "verified_name": "Jasper's Ice Cream", "display_phone_number": "+1 631-555-5556", "id": "1913623884432103", "quality_rating": "NA" } ] }
บันทึก ID สำหรับหมายเลขโทรศัพท์ที่คุณต้องการลงทะเบียน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งข้อมูลนี้ที่หัวข้ออ่านหมายเลขโทรศัพท์
หากคุณกำลังย้ายหมายเลขโทรศัพท์จาก API ภายในองค์กรไปยัง API ระบบคลาวด์ จะมีขั้นตอนเพิ่มเติมที่คุณต้องดำเนินการก่อนที่จะลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ด้วย API ระบบคลาวด์ โปรดดูกระบวนการที่ครบถ้วนสมบูรณ์ได้ที่ย้ายระหว่าง API ระบบคลาวด์กับภายในองค์กร
คุณจะสามารถลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ได้เมื่อมี ID ของหมายเลขนั้นๆ ในการเรียกใช้ API สำหรับการลงทะเบียน คุณจะดำเนินการ 2 อย่างนี้พร้อมกัน
การตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการในการใช้ Cloud API หากไม่ได้ตั้งค่า คุณจะได้รับข้อความแจ้งการเริ่มต้นใช้งานล้มเหลวดังนี้
ตัวอย่างคำขอ
curl -X POST \
'https://graph.facebook.com/v19.0
/FROM_PHONE_NUMBER_ID/register' \
-H 'Authorization: Bearer ACCESS_TOKEN' \
-H 'Content-Type: application/json' \
-d '{"messaging_product": "whatsapp","pin": "6_DIGIT_PIN"}'
ตัวอย่างการตอบกลับ
{ "success": true }
คุณต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ภายในเวลาไม่เกิน 14 วัน หลังจากดำเนินตามขั้นตอนการสมัครใช้งานแบบฝังเสร็จสิ้นแล้ว หากไม่ได้ลงทะเบียนหมายเลขในระหว่างช่วงเวลานั้น โทรศัพท์ดังกล่าวจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการสมัครใช้งานแบบฝังอีกครั้งก่อนลงทะเบียน
เมื่อลูกค้าที่เข้าร่วมส่งข้อความถึงธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถส่งข้อความสื่อสารกับลูกค้ารายนั้นๆ ได้ฟรี 24 ชั่วโมง โดยเรียกช่วงเวลานี้ว่าช่วงเวลาการให้บริการลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบ เราต้องการเปิดใช้งานช่วงเวลานี้เพื่อให้คุณสามารถส่งข้อความได้มากเท่าที่ต้องการ
ส่งข้อความไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่คุณเพิ่งลงทะเบียนจากแอพ WhatsApp สำหรับ iOS/Android แบบส่วนตัว เมื่อส่งข้อความแล้ว คุณควรได้รับข้อความขาเข้าไปยัง Webhook พร้อมการแจ้งเตือนในรูปแบบต่อไปนี้
{ "object": "whatsapp_business_account", "entry": [ { "id": "WHATSAPP_BUSINESS_ACCOUNT_ID", "changes": [ { "value": { "messaging_product": "whatsapp", "metadata": { "display_phone_number": "16315551234", "phone_number_id": "PHONE_NUMBER_ID" }, "contacts": [ { "profile": { "name": "Kerry Fisher" }, "wa_id": "16315555555" } ], "messages": [ { "from": "16315555555", "id": "wamid.ABGGFlA5FpafAgo6tHcNmNjXmuSf", "timestamp": "1602139392", "text": { "body": "Hello!" }, "type": "text" } ] }, "field": "messages" } ] } ] }
เมื่อคุณเปิดใช้งานช่วงเวลาการให้บริการลูกค้าแล้ว คุณจะสามารถส่งข้อความทดสอบไปยังหมายเลขของผู้บริโภคที่คุณใช้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ได้ ในการทำเช่นนั้น ให้เรียกใช้ API ต่อไปนี้
curl -X POST \
'https://graph.facebook.com/v19.0
/FROM_PHONE_NUMBER_ID/messages' \
-H 'Authorization: Bearer ACCESS_TOKEN' \
-H 'Content-Type: application/json' \
-d '{"messaging_product": "whatsapp", "to": "16315555555","text": {"body" : "hello world!"}}'
หากการเรียกใช้ของคุณสำเร็จ การตอบกลับของคุณจะมี ID ข้อความรวมอยู่ด้วย ให้ใช้ ID ดังกล่าวเพื่อติดตามความคืบหน้าของข้อความของคุณผ่าน Webhooks ความยาวสูงสุดของ ID คือ 128 ตัวอักษร
ตัวอย่างการตอบกลับ
{ "id":"wamid.gBGGFlaCGg0xcvAdgmZ9plHrf2Mh-o" }
เมื่อใช้ API ระบบคลาวด์ คุณจะไม่มีวิธีที่ตรวจสอบได้อย่างชัดเจนอีกต่อไปว่าหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งๆ มี WhatsApp ID หรือไม่ หากต้องการส่งข้อความถึงผู้ใช้ด้วย API ระบบคลาวด์ ให้ส่งข้อความไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้าโดยตรง หลังจากที่ลูกค้าได้แสดงความต้องการที่จะเลือกรับข้อความแล้ว โปรดดูตัวอย่างที่ข้อมูลอ้างอิง, ข้อความ
เราจะปล่อยการอัพเดต Cloud API ในวันอังคารแรกของทุกเดือน ซึ่งจะรวมฟีเจอร์และการปรับปรุงใหม่ๆ ไว้ คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินงานใดๆ เพื่อใช้ฟีเจอร์ใหม่ เนื่องจาก Cloud API จะอัพเดตโดยอัตโนมัติ
WhatsApp develops and operates the WhatsApp Business API, which enables businesses to communicate with WhatsApp consumer users on the WhatsApp network. When using the Cloud API, Meta will host the WhatsApp Business API for you and provide an endpoint for the WhatsApp service for your incoming and outgoing WhatsApp communications.
No, there is no difference in messaging prices between the Cloud API and the On-Premises API. Access to Cloud API is free, and we expect it to generate additional cost savings for developers. The two types of cost savings for the Cloud API are 1) set up cost (including server or external cloud provider cost), 2) ongoing cost of maintenance (including engineering time for API upgrades).
A Solution Partner can select which setup a given client should use. We recommend that the majority of clients use the Cloud API for ease of implementation and maintenance. Solution Partners can also continue to maintain integration with the On-Premises API.
We want to make it clear what it means to message with a business on WhatsApp. Some businesses may choose to use Meta or another company to help them manage and store their messages. When a business chooses to manage their messages with another company, we will let consumers know by showing a different system message. Learn more.
We expect Cloud API to provide the same key features as the On-Premises API soon, including user change notifications and sticker pack management. Our goal is for the Cloud API to become the preferred platform for new features.
We will release updates monthly with new features and improvements. There is no work required to access these features - the Cloud API updates automatically.
No, we will continue to provide the On-Premises API for now. See On-Premises API for information.
The Cloud API architecture significantly simplifies the Solution Partner's operational and infrastructure requirements to integrate with WhatsApp Business Platform. First, it removes the infrastructure requirements to run Business API docker containers (CAPEX savings). Second, it obviates the need of operational responsibilities to manage the deployment (OPEX savings). For details, refer to the architecture diagram comparing the On-Premises and Cloud API deployments.
Solution Partners and direct clients do not need the WebApp and CoreApp containers that are used in the On-Premises API. Meta will manage all database data and media data on behalf of the Solution Partner or direct client.
We will have disaster recovery and data replication across multiple regions. The expected downtime would be within our SLA and usually in the order of less than a minute to less than five minutes.
As your on-premises performance depends heavily on your hardware, software, and connectivity to WhatsApp servers, if you wish to understand these differences, you can perform your own load tests on Cloud API as you might have done for your own on-premises installation. You can also refer to our performance comparison to understand more details around how the on-premise and Cloud APIs compare.
Cloud API ดำเนินการอยู่ในศูนย์ข้อมูลของ Meta เว้นแต่ธุรกิจจะเลือกใช้พื้นที่เก็บข้อมูลภายในสำหรับ Cloud API ทั้งนี้ Meta มีศูนย์ข้อมูลอยู่ในอเมริกาเหนือและสหภาพยุโรป
ข้อความที่จัดเก็บจะถูกเข้ารหัส และจะถูกลบโดยอัตโนมัติหลังจาก 30 วัน
เช่นเดียวกับพาร์ทเนอร์โซลูชั่น WhatsApp Business API อื่นๆ ทุกราย Meta จัดการคีย์การเข้ารหัสและการถอดรหัสในนามของธุรกิจ Cloud API จะจัดการคีย์การเข้ารหัส/ถอดรหัสในนามของธุรกิจ เพื่อให้สามารถส่งและรับข้อความผ่าน Cloud API ได้ Meta บริหารจัดการ Cloud API และข้อกำหนดของ Meta ก็จำกัดการใช้งานในการให้บริการนี้ไว้ที่การส่งข้อความเท่านั้น WhatsApp จะไม่สามารถเข้าถึงคีย์หรือข้อความได้
Meta เข้มงวดกับการคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้คนอย่างมาก และเรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลอย่างต่อเนื่องต่อไป Cloud API ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันของตนภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ต่อไปได้ Meta ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย อุตสาหกรรม และการกำกับดูแลที่มีผลบังคับใช้ ตลอดจนหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม ดูเพิ่มเติม.