2: เริ่มต้นใช้งานการผสานการทำงาน CRM

คู่มือนี้ประกอบด้วยหัวข้อดังนี้

• การสร้างแคมเปญโฆษณาแบบกรอกฟอร์มใหม่
• การสร้างพิกเซล CRM ของ Meta ขึ้นใหม่หรือแปลงพิกเซลที่มีอยู่แล้ว
• การเลือกวิธีการผสานการทำงาน

ขั้นตอนที่ 1: สร้างแคมเปญโฆษณาแบบกรอกฟอร์ม (ไม่บังคับ)

คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนนี้ก็ได้หากมีแคมเปญโฆษณาแบบกรอกฟอร์มอยู่แล้ว โปรดทราบว่าคุณจะเปลี่ยนเป้าหมายการปรับให้เหมาะสมของแคมเปญที่เผยแพร่ไปแล้วไม่ได้ แต่คุณสามารถทำซ้ำแคมเปญที่มีอยู่แล้วเปลี่ยนเป้าหมายการปรับให้เหมาะสมของแคมเปญนั้นแทนได้

1. เข้าสู่ระบบบัญชีตัวจัดการโฆษณาของธุรกิจคุณ (ลูกค้าเป้าหมายที่ทำการคอนเวอร์ชั่นไม่พร้อมใช้งานผ่านบัญชีโฆษณาส่วนตัวและอินเทอร์เฟซแบบย่อ)


2. คลิกปุ่ม + สร้าง เพื่อสร้างแคมเปญใหม่ ในหน้าต่างเลือกวัตถุประสงค์แคมเปญ ให้เลือกข้อมูลลูกค้า แล้วคลิกดำเนินการต่อ


3. ในการตั้งค่าระดับชุดโฆษณา ในส่วนตำแหน่งที่เกิดคอนเวอร์ชั่น ให้เลือกแบบฟอร์มข้อมูลลูกค้า


4. ในส่วนการปรับให้เหมาะสมและการแสดงโฆษณาของชุดโฆษณา ให้คลิกปุ่มแก้ไขของการปรับให้เหมาะสมกับการแสดงโฆษณา จากนั้นเลือกเป้าหมายเป็นลูกค้าเป้าหมายที่ทำการคอนเวอร์ชั่นในเมนูดร็อปดาวน์ การผสานการทำงาน CRM ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการเริ่มเผยแพร่แคมเปญที่มีเป้าหมายเป็นลูกค้าเป้าหมายที่ทำการคอนเวอร์ชั่น แต่คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าหากมีการผสานการทำงานเต็มรูปแบบ

ขั้นตอนที่ 2: สร้างพิกเซล CRM ของ Meta

ส่วนนี้จะแนะนำวิธีการสร้างพิกเซลของ Meta สำหรับ CRM

หมายเหตุ: คุณจะต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ดูแลในการสร้างหรือแปลงพิกเซล

1. ในตัวจัดการเหตุการณ์ ให้คลิกเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลใหม่


2. เลือก CRM จากนั้นคลิกเชื่อมต่อ


3. คุณจะสร้างพิกเซลขึ้นมาใหม่หรือแปลงพิกเซลที่มีอยู่แล้วก็ได้ คุณสามารถตัดสินใจได้ตามวิธีที่คุณต้องการจัดระเบียบเหตุการณ์และจัดการสิทธิ์การเข้าถึงพิกเซลของบัญชีโฆษณา เราขอแนะนำให้สร้างพิกเซลใหม่เพื่อให้เหตุการณ์ CRM ไม่ทับซ้อนกับเหตุการณ์พิกเซลที่มีอยู่แล้วในตัวจัดการเหตุการณ์ ซึ่งจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่า
   
   หากคุณเลือกแปลงพิกเซลที่มีอยู่แล้ว ขอแนะนำให้ตั้งชื่อเหตุการณ์ CRM เป็นชื่ออื่นที่ไม่ซ้ำกับชื่อเหตุการณ์ที่มีอยู่แล้ว เพราะหากใช้ชื่อเดิมอาจทำให้สับสนประเภทเหตุการณ์ได้ การแปลงเว็บพิกเซลที่มีอยู่แล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์อื่นๆ ที่อัพโหลดไปยังพิกเซลนั้น ทั้งนี้ พิกเซล CRM ทำหน้าที่แจ้งให้ Meta ทราบว่าจะมีการอัพโหลดเหตุการณ์ CRM ให้พิกเซล และเพิ่มขั้นตอนการผสานการทำงาน "การปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าเป้าหมายที่ทำการคอนเวอร์ชั่น" ไปยังพิกเซลดังกล่าว
   1. หากต้องการสร้างพิกเซลใหม่: คลิกลิงก์สร้างพิกเซลใหม่ แล้วตั้งชื่อพิกเซลนั้นตามความเหมาะสม
   2. หากต้องการแปลงพิกเซล: เลือกพิกเซลที่มีอยู่ซึ่งคุณต้องการอัพโหลดเหตุการณ์ CRM เข้าไป การแปลงเว็บพิกเซลที่มีอยู่แล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์อื่นๆ ที่กำลังอัพโหลดไปยังพิกเซลนั้น
4. โปรดตรวจสอบอีกครั้งว่าไอคอนสำหรับพิกเซล CRM ของคุณมีการอัพเดตแล้ว หากยังไม่มี ให้ทำขั้นตอนนี้ซ้ำอีกครั้ง

หมายเหตุ: การผสานการทำงานนี้ต้องใช้พิกเซลในการทำงาน อย่าเปลี่ยนการผสานการทำงานที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วไปใช้กับพิกเซลอื่น

ขั้นตอนที่ 3: เลือกวิธีการผสานการทำงาน

คุณสามารถเลือกวิธีการตั้งค่าได้ โดยอาจใช้การผสานการทำงานด้วยตนเองหรือการผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์ การผสานการทำงานด้วยตนเองเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทรัพยากรสำหรับผู้พัฒนาพร้อมอยู่แล้ว มีสิทธิ์เข้าถึงฐานรหัสเซิร์ฟเวอร์ และต้องการความสามารถในการปรับแต่งการกำหนดค่าของตนเอง ส่วนธุรกิจที่ต้องการการผสานการทำงาน CRM ที่เรียบง่ายสามารถใช้การผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์ที่พร้อมให้บริการได้

1. ไปที่แท็บการตั้งค่าของพิกเซล CRM หากระบบไม่ได้นำคุณไปโดยอัตโนมัติ คลิกที่ดำเนินการต่อซึ่งอยู่หลังเลือก CRM
   แท็บการตั้งค่าของพิกเซล CRM จะแสดงสถานะของการผสานการทำงานลูกค้าเป้าหมายที่ทำการคอนเวอร์ชั่น คุณสามารถดูขั้นตอนต่อไปและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการผสานการทำงานได้ในแท็บนี้
   
2. ป้อน CRM ลงในกล่องค้นหา
   1. หาก CRM ของคุณทำงานด้วยการผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์ คุณอาจเลือกตัวเลือกใช้พาร์ทเนอร์ แล้วทำตามคำแนะนำในขั้นตอนการดำเนินการ
      1. เลือกพาร์ทเนอร์ที่ต้องการ
      2. คลิกเปิดคำแนะนำสำหรับพาร์ทเนอร์แต่ละรายเพื่อดูคำแนะนำสำหรับขั้นตอนนั้น
      3. คลิกไปยังพาร์ทเนอร์เพื่อดำเนินการต่อไปทางพาร์ทเนอร์แล้วเริ่มการผสานการทำงาน
      4. คุณสามารถข้ามไปยัง 4: ตรวจสอบยืนยันข้อมูลได้เมื่อการผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์เสร็จสิ้นแล้ว
   2. หรือคุณอาจดำเนินการต่อโดยการเลือกตัวเลือกเขียนโค้ดด้วยตนเอง หรือเชิญผู้พัฒนา แล้วคลิกดำเนินการต่อ
   หมายเหตุ: ผู้พัฒนาที่ดำเนินการผสานการทำงานจะต้องมีสิทธิ์การเข้าถึงระดับผู้ดูแลในตัวจัดการธุรกิจจึงจะสามารถทำงานในขั้นตอนนี้ได้