หากคุณมีการตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมฐานข้อมูลอยู่แล้ว และคุณต้องการย้ายทั้งไคลเอ็นต์และฐานข้อมูลไปยังการตั้งค่าใหม่โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิม เอกสารฉบับนี้จะแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่คุณต้องทำในการย้าย
มีตัวเลือกการย้ายมากมายโดยขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่คุณต้องการย้าย โปรดเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ตัวเลือกที่ 1 | ตัวเลือกที่ 2 | ตัวเลือกที่ 3 | |
---|---|---|---|
การตั้งค่า | |||
การตั้งค่าแอพ | ✔ | ✔ | ✔ |
การลงทะเบียน | ✔ | ✔ | ✔ |
คีย์การเข้ารหัส | ✔ | ✔ | ✔ |
ข้อความ | |||
ข้อความ | ✔ | ✔ | |
การเรียกกลับ | ✔ | ✔ | |
รายชื่อผู้ติดต่อ | ✔ | ✔ | |
โทเค็นการยืนยันตัวตน | |||
ข้อมูลผู้ใช้ API | ✔ | ||
โทเค็นการยืนยันตัวตน API | ✔ |
ตารางนี้จะอธิบายกรณีการใช้งานทั่วไปของตัวเลือกการย้ายแต่ละแบบและระยะเวลาหยุดทำงานสำหรับแต่ละแบบ มีเฉพาะกรณีการใช้งานทั่วไปเท่านั้น คุณสามารถเลือกประเภทของตัวเลือกการย้ายให้ตรงกับความต้องการของคุณได้
กรณีการใช้งานทั่วไป | ระยะเวลาหยุดทำงาน | |
---|---|---|
ตัวเลือกที่ 1 | ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นย้ายไคลเอ็นต์ปลายทางไปยังแพลตฟอร์มของคุณ และคุณต้องการเก็บไว้เฉพาะข้อมูลการตั้งค่าเท่านั้น | ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น เพราะปริมาณข้อมูลที่จำเป็นต้องย้ายโอนระหว่างอุปกรณ์นั้นอยู่ในขั้นต่ำสุด |
ตัวเลือกที่ 2 | ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นย้ายไคลเอ็นต์ปลายทางไปยังแพลตฟอร์มของคุณ และคุณต้องการเก็บไว้ทั้งข้อมูลการตั้งค่าและข้อความ | ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกที่ 1 เพราะจำเป็นต้องโอนย้ายทั้งข้อความและข้อมูลการตั้งค่าระหว่างอุปกรณ์ ข้อมูลนี้อาจมีขนาดใหญ่โดยขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้นๆ |
ตัวเลือกที่ 3 | ไคลเอ็นต์โดยตรงของ WhatsApp ที่จัดการไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ด้วยตัวคุณเอง และกำลังย้ายไคลเอ็นต์ API ของ WhatsApp Business และข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น | ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น เพราะจำเป็นต้องย้ายโอนข้อมูลไคลเอ็นต์ทั้งหมดระหว่างอุปกรณ์ ข้อมูลนี้อาจมีขนาดค่อนข้างใหญ่โดยขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้นๆ |
สำหรับการย้ายเฉพาะการตั้งค่าเท่านั้น จะสำรองข้อมูลและกู้คืนเฉพาะข้อมูลการตั้งค่าเท่านั้น ข้อความและข้อมูลโทเค็นการยืนยันตัวตนจะไม่ถูกย้ายไปด้วย
ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง
โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันจะไม่สามารถใช้งานกับสภาพแวดล้อมการใช้งานใหม่ได้ เข้าสู่ระบบการตั้งค่าใหม่เพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่
ใช้โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันเพื่อสำรองข้อมูลการตั้งค่าจากไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ปัจจุบัน
ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยคอนเทนเนอร์ Docker ของ Coreapp, Webapp และ Master โดยห้ามลบฐานข้อมูล
เข้าสู่ระบบหากคุณยังไม่ได้เริ่มใช้โทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่ และกู้คืนในการตั้งค่าใหม่
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนการตั้งค่าอย่างถูกต้อง
ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน
หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 3ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ
ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า
ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล
ในการย้ายการตั้งค่าและข้อความ ทั้งข้อมูลการตั้งค่าและข้อความจะได้รับการสำรองข้อมูลและกู้คืน แต่ข้อมูลโทเค็นการยืนยันตัวตนจะไม่ถูกย้าย
โปรดระวังปริมาณของข้อความที่ต้องย้ายโอนไปยังอุปกรณ์ใหม่ เนื่องจากมีข้อมูลให้สำรองและกู้คืนมากขึ้น จึงทำให้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกที่ 1 ระยะเวลาทั้งหมดที่หยุดทำงานจะแตกต่างกันไปตามปริมาณของข้อมูลที่ย้ายโอนและเวลาแฝงของเครือข่าย
ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น โดยห้ามลบฐานข้อมูล
สำรองฐานข้อมูลทั้งหมด ยกเว้น waweb
ซึ่งมีข้อมูลผู้ใช้/การยืนยันตัวตน โดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump
หรือ pg_dump
จากไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ปัจจุบัน
หมายเหตุ: อย่าลืมแยก waweb
ไว้ต่างหาก หากคุณเป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นที่กำลังย้ายธุรกิจไปหรือจากแพลตฟอร์มของคุณ คุณอาจไม่ต้องการนำโทเค็นการยืนยันตัวตนและข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บไว้ ณ ปัจจุบันไปใช้ต่อหรือส่งต่อ
กู้คืนฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump
หรือ pg_dump
ให้ไปยังไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่
ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณนำทางฐานข้อมูลไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่กู้คืนมาจากขั้นตอนที่ 4
โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันจะไม่สามารถใช้งานกับสภาพแวดล้อมการใช้งานใหม่ได้ เข้าสู่ระบบการตั้งค่าใหม่เพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนฐานข้อมูลอย่างถูกต้อง
ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน
หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 1ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ
ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า
ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล
ในการย้ายอย่างสมบูรณ์ การตั้งค่า ข้อความ และโทเค็นการยืนยันตัวตนจะถูกสำรองและกู้คืน
ตัวเลือกนี้อาจดูดีที่สุด แต่โปรดระวังปริมาณของข้อมูลที่จำเป็นต้องโอนย้ายไปยังอุปกรณ์อื่น เนื่องจากมีข้อมูลให้สำรองและกู้คืนมากขึ้น จึงทำให้ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าทั้งตัวเลือกที่ 1 และตัวเลือกที่ 2
โทเค็นจะใช้งานได้สูงสุด 7 วัน โปรดตรวจสอบว่าโทเค็นของคุณมีเวลามากพอให้คุณดำเนินการย้ายได้
ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น โดยห้ามลบฐานข้อมูล
สำรองฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump
หรือ pg_dump
เพื่อบันทึกข้อมูลการตั้งค่า ข้อความ และโทเค็นการยืนยันตัวตน
หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ หากคุณย้ายเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API แต่ไม่ย้ายฐานข้อมูล
กู้คืนฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump
หรือ pg_dump
ให้ไปยังไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่
ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณนำทางฐานข้อมูลไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่กู้คืนมาจากขั้นตอนที่ 5
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างถูกต้อง
ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน
หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 1ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ
ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า
ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล