การย้าย

หากคุณมีการตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมฐานข้อมูลอยู่แล้ว และคุณต้องการย้ายทั้งไคลเอ็นต์และฐานข้อมูลไปยังการตั้งค่าใหม่โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิม เอกสารฉบับนี้จะแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่คุณต้องทำในการย้าย

ก่อนเริ่มต้น

  • การสำรองข้อมูลเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการย้าย
  • คุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณอีกครั้งหลังการย้าย คุณสามารถเริ่มส่งข้อความได้ทันทีเมื่อย้ายเสร็จแล้ว
  • การตั้งค่าใหม่จะต้องมีจำนวนการแบ่งเท่ากันกับการตั้งค่าเดิม คุณไม่สามารถเพิ่มขนาดหรือลดขนาดขณะย้ายได้ หากคุณกำหนดการตั้งค่าเดิมให้จำนวนของมาสเตอร์เป็น X และจำนวนของ Coreapp เป็น Y คุณก็ต้องให้การตั้งค่าใหม่มีจำนวนมาสเตอร์และ Coreapp เท่ากันพอดี หากจำนวนของมาสเตอร์และ Coreapp ไม่ตรงกันก่อนและหลังการย้าย การย้ายจะไม่สำเร็จ
  • โปรดลองย้ายบัญชีทดสอบก่อนย้ายบัญชีที่ใช้งานจริง
  • ระบบจะหยุดทำงานสามครั้งด้วยกัน ระยะเวลาที่ระบบหยุดทำงานจะขึ้นอยู่กับตัวเลือกการย้าย แต่ทุกการย้ายล้วนทำให้ระบบหยุดทำงาน

ตัวเลือกการย้าย

มีตัวเลือกการย้ายมากมายโดยขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่คุณต้องการย้าย โปรดเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของคุณ

ข้อมูลที่ได้รับการรักษาสำหรับตัวเลือกการย้ายแต่ละตัวเลือก

ตัวเลือกที่ 1ตัวเลือกที่ 2ตัวเลือกที่ 3

การตั้งค่า

การตั้งค่าแอพ

การลงทะเบียน

คีย์การเข้ารหัส

ข้อความ

ข้อความ

การเรียกกลับ

รายชื่อผู้ติดต่อ

โทเค็นการยืนยันตัวตน

ข้อมูลผู้ใช้ API

โทเค็นการยืนยันตัวตน API

กรณีการใช้งานทั่วไปและระยะเวลาหยุดทำงานสำหรับตัวเลือกการย้ายแต่ละตัวเลือก

ตารางนี้จะอธิบายกรณีการใช้งานทั่วไปของตัวเลือกการย้ายแต่ละแบบและระยะเวลาหยุดทำงานสำหรับแต่ละแบบ มีเฉพาะกรณีการใช้งานทั่วไปเท่านั้น คุณสามารถเลือกประเภทของตัวเลือกการย้ายให้ตรงกับความต้องการของคุณได้

กรณีการใช้งานทั่วไประยะเวลาหยุดทำงาน

ตัวเลือกที่ 1

ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นย้ายไคลเอ็นต์ปลายทางไปยังแพลตฟอร์มของคุณ และคุณต้องการเก็บไว้เฉพาะข้อมูลการตั้งค่าเท่านั้น

ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น เพราะปริมาณข้อมูลที่จำเป็นต้องย้ายโอนระหว่างอุปกรณ์นั้นอยู่ในขั้นต่ำสุด

ตัวเลือกที่ 2

ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นย้ายไคลเอ็นต์ปลายทางไปยังแพลตฟอร์มของคุณ และคุณต้องการเก็บไว้ทั้งข้อมูลการตั้งค่าและข้อความ

ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกที่ 1 เพราะจำเป็นต้องโอนย้ายทั้งข้อความและข้อมูลการตั้งค่าระหว่างอุปกรณ์ ข้อมูลนี้อาจมีขนาดใหญ่โดยขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้นๆ

ตัวเลือกที่ 3

ไคลเอ็นต์โดยตรงของ WhatsApp ที่จัดการไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ด้วยตัวคุณเอง และกำลังย้ายไคลเอ็นต์ API ของ WhatsApp Business และข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น

ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น เพราะจำเป็นต้องย้ายโอนข้อมูลไคลเอ็นต์ทั้งหมดระหว่างอุปกรณ์ ข้อมูลนี้อาจมีขนาดค่อนข้างใหญ่โดยขึ้นอยู่กับธุรกิจนั้นๆ

ตัวเลือกที่ 1: เฉพาะการตั้งค่าเท่านั้น

สำหรับการย้ายเฉพาะการตั้งค่าเท่านั้น จะสำรองข้อมูลและกู้คืนเฉพาะข้อมูลการตั้งค่าเท่านั้น ข้อความและข้อมูลโทเค็นการยืนยันตัวตนจะไม่ถูกย้ายไปด้วย

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งการตั้งค่าใหม่

ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง

ขั้นตอนที่ 2: รับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่สำหรับการตั้งค่าใหม่

โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันจะไม่สามารถใช้งานกับสภาพแวดล้อมการใช้งานใหม่ได้ เข้าสู่ระบบการตั้งค่าใหม่เพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่

ขั้นตอนที่ 3: การล้างข้อมูล

  • [ไม่บังคับ] ปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น ตัวเลือกนี้มีประโยชน์หากคุณลืมรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นและจำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ แม้ว่าการย้ายที่ราบรื่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนอีกครั้ง แต่คุณอาจถูกบังคับให้ต้องลงทะเบียนอีกครั้ง หากข้อมูลสำรองและการกู้คืนล้มเหลวโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำตามคำแนะนำเพื่อปิดใช้งานรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
    หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ หากคุณมั่นใจว่ารหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นนั้นถูกต้อง
  • [ไม่บังคับ] รีเซ็ต Webhooks หากตั้งค่า Webhooks เอาไว้ให้รับการแจ้งเตือนขาเข้า และเซิร์ฟเวอร์ Webhook มีการเปลี่ยนแปลงขณะย้าย ให้ปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ Webhook เดิมในการตั้งค่าแอพพลิเคชั่น
    หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ขั้นตอนบังคับ หากคุณไม่ได้จะเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ Webhook หลังทำการย้าย

ขั้นตอนที่ 4: สำรองข้อมูลการตั้งค่าจากการตั้งค่าปัจจุบัน

ใช้โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันเพื่อสำรองข้อมูลการตั้งค่าจากไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ปัจจุบัน

ขั้นตอนที่ 5: ถอนการติดตั้งการตั้งค่าปัจจุบัน

ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยคอนเทนเนอร์ Docker ของ Coreapp, Webapp และ Master โดยห้ามลบฐานข้อมูล

ขั้นตอนที่ 6: กู้คืนการตั้งค่าในการตั้งค่าใหม่

เข้าสู่ระบบหากคุณยังไม่ได้เริ่มใช้โทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่ และกู้คืนในการตั้งค่าใหม่
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนการตั้งค่าอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 7: ดำเนินการตรวจสอบระบบ

ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน

ขั้นตอนที่ 8: [ไม่บังคับ] เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้น

หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 3ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ

ขั้นตอนที่ 9: ตั้งค่า Webhook

ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า

ขั้นตอนที่ 10: ทิ้งฐานข้อมูลเดิม

ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล

ตัวเลือกที่ 2: การตั้งค่าและข้อความ

ในการย้ายการตั้งค่าและข้อความ ทั้งข้อมูลการตั้งค่าและข้อความจะได้รับการสำรองข้อมูลและกู้คืน แต่ข้อมูลโทเค็นการยืนยันตัวตนจะไม่ถูกย้าย

โปรดระวังปริมาณของข้อความที่ต้องย้ายโอนไปยังอุปกรณ์ใหม่ เนื่องจากมีข้อมูลให้สำรองและกู้คืนมากขึ้น จึงทำให้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกที่ 1 ระยะเวลาทั้งหมดที่หยุดทำงานจะแตกต่างกันไปตามปริมาณของข้อมูลที่ย้ายโอนและเวลาแฝงของเครือข่าย

ขั้นตอนที่ 1: การล้างข้อมูล

  • [ไม่บังคับ] ปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น ตัวเลือกนี้มีประโยชน์หากคุณลืมรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นและจำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ แม้ว่าการย้ายที่ราบรื่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนอีกครั้ง แต่คุณอาจถูกบังคับให้ต้องลงทะเบียนอีกครั้ง หากข้อมูลสำรองและการกู้คืนล้มเหลวโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำตามคำแนะนำเพื่อปิดใช้งานรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
    หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ หากคุณมั่นใจว่ารหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นนั้นถูกต้อง
  • [ไม่บังคับ] รีเซ็ต Webhooks หากตั้งค่า Webhooks เอาไว้ให้รับการแจ้งเตือนขาเข้า และเซิร์ฟเวอร์ Webhook มีการเปลี่ยนแปลงขณะย้าย ให้ปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ Webhook เดิมในการตั้งค่าแอพพลิเคชั่นขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกที่การส่งข้อความจะเริ่มหยุดทำงาน
    หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ขั้นตอนบังคับ หากคุณไม่ได้จะเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ Webhook หลังทำการย้าย

ขั้นตอนที่ 2: ถอนการติดตั้งการตั้งค่าปัจจุบัน

ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น โดยห้ามลบฐานข้อมูล

ขั้นตอนที่ 3: สำรองฐานข้อมูล

สำรองฐานข้อมูลทั้งหมด ยกเว้น waweb ซึ่งมีข้อมูลผู้ใช้/การยืนยันตัวตน โดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump หรือ pg_dump จากไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ปัจจุบัน
หมายเหตุ: อย่าลืมแยก waweb ไว้ต่างหาก หากคุณเป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นที่กำลังย้ายธุรกิจไปหรือจากแพลตฟอร์มของคุณ คุณอาจไม่ต้องการนำโทเค็นการยืนยันตัวตนและข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บไว้ ณ ปัจจุบันไปใช้ต่อหรือส่งต่อ

ขั้นตอนที่ 4: กู้คืนฐานข้อมูล

กู้คืนฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump หรือ pg_dump ให้ไปยังไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่

ขั้นตอนที่ 5: ติดตั้งการตั้งค่าใหม่

ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณนำทางฐานข้อมูลไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่กู้คืนมาจากขั้นตอนที่ 4

ขั้นตอนที่ 6: รับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่สำหรับการตั้งค่าใหม่

โทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบันจะไม่สามารถใช้งานกับสภาพแวดล้อมการใช้งานใหม่ได้ เข้าสู่ระบบการตั้งค่าใหม่เพื่อรับโทเค็นการยืนยันตัวตนใหม่
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนฐานข้อมูลอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 7: ดำเนินการตรวจสอบระบบ

ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน

ขั้นตอนที่ 8: [ไม่บังคับ] เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้น

หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 1ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ

ขั้นตอนที่ 9: ตั้งค่า Webhook

ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า

ขั้นตอนที่ 10: ทิ้งฐานข้อมูลเดิม

ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล

ตัวเลือกที่ 3: การย้ายอย่างสมบูรณ์

ในการย้ายอย่างสมบูรณ์ การตั้งค่า ข้อความ และโทเค็นการยืนยันตัวตนจะถูกสำรองและกู้คืน

ตัวเลือกนี้อาจดูดีที่สุด แต่โปรดระวังปริมาณของข้อมูลที่จำเป็นต้องโอนย้ายไปยังอุปกรณ์อื่น เนื่องจากมีข้อมูลให้สำรองและกู้คืนมากขึ้น จึงทำให้ตัวเลือกนี้มีระยะเวลาหยุดทำงานนานกว่าทั้งตัวเลือกที่ 1 และตัวเลือกที่ 2

ขั้นตอนที่ 1: การล้างข้อมูล

  • [ไม่บังคับ] ปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น ตัวเลือกนี้มีประโยชน์หากคุณลืมรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นและจำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ แม้ว่าการย้ายที่ราบรื่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนอีกครั้ง แต่คุณอาจถูกบังคับให้ต้องลงทะเบียนอีกครั้ง หากข้อมูลสำรองและการกู้คืนล้มเหลวโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำตามคำแนะนำเพื่อปิดใช้งานรหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
    หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ หากคุณมั่นใจว่ารหัสการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นนั้นถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 2: สำรองโทเค็นการยืนยันตัวตนปัจจุบัน

โทเค็นจะใช้งานได้สูงสุด 7 วัน โปรดตรวจสอบว่าโทเค็นของคุณมีเวลามากพอให้คุณดำเนินการย้ายได้

ขั้นตอนที่ 3: ถอนการติดตั้งการตั้งค่าปัจจุบัน

ขั้นตอนนี้จะทำให้ระบบการส่งข้อความหยุดทำงาน เพื่อให้ระยะเวลาหยุดทำงานสั้นที่สุด โปรดตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมทำงานในตำแหน่งที่ตั้งใหม่แล้ว โปรดดูคำแนะนำในส่วนการยกเลิกติดตั้งในคู่มือการติดตั้งที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าคุณถอนการติดตั้งเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API เท่านั้น โดยห้ามลบฐานข้อมูล

ขั้นตอนที่ 4: [ไม่บังคับ] สำรองฐานข้อมูล

สำรองฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump หรือ pg_dump เพื่อบันทึกข้อมูลการตั้งค่า ข้อความ และโทเค็นการยืนยันตัวตน
หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ไม่บังคับ หากคุณย้ายเฉพาะไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API แต่ไม่ย้ายฐานข้อมูล

ขั้นตอนที่ 5: กู้คืนฐานข้อมูล

กู้คืนฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอรรถประโยชน์ เช่น mysqldump หรือ pg_dump ให้ไปยังไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่

ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้งการตั้งค่าใหม่

ตั้งค่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ใหม่โดยใช้เอกสารประกอบเกี่ยวกับการติดตั้ง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณนำทางฐานข้อมูลไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่กู้คืนมาจากขั้นตอนที่ 5
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ควรทำงานโดยมีข้อมูลทั้งหมดที่ต้องใช้และพร้อมสำหรับการส่งข้อความ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี WhatsApp อีกครั้ง หากมีการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 7: ดำเนินการตรวจสอบระบบ

ดำเนินการตรวจสอบระบบและส่งข้อความทดสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงาน

ขั้นตอนที่ 8: [ไม่บังคับ] เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้น

หากคุณปิดใช้งานในขั้นตอนที่ 1ให้เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันแบบสองชั้นอีกครั้งในตอนนี้ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี WhatsApp ของคุณ

ขั้นตอนที่ 9: ตั้งค่า Webhook

ตั้งค่า Webhooks เพื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนขาเข้า

ขั้นตอนที่ 10: ทิ้งฐานข้อมูลเดิม

ฐานข้อมูลเดิมของคุณจะมีข้อมูลการตั้งค่าเดิม ข้อความเดิม และโทเค็นการยืนยันตัวตนเดิม หากคุณต้องการกู้คืนข้อมูลใดๆ เหล่านี้ในอนาคต โปรดอย่าทิ้งฐานข้อมูลเดิม เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฐานข้อมูล ให้ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 14 วันและการส่งข้อความทำงานได้ดีก่อนลบฐานข้อมูล