เรากำลังเลิกใช้งาน API ภายในองค์กร และหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมและเรียนรู้วิธีย้ายไปใช้ API ระบบคลาวด์รุ่นใหม่ของเรา โปรดดูเอกสารการเลิกใช้งาน API ภายในองค์กรของเรา
เอกสารนี้จะแสดงให้คุณเห็นวิธีใช้ Amazon Web Services (AWS) เพื่อนำ WhatsApp Business API ไปใช้ กระบวนการนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
เมื่อคุณตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเลือกที่จะอัพเกรดไคลเอ็นต์ดังกล่าวได้ หากคุณจำเป็นต้องรีสตาร์ททั้ง Webapp และ CoreApp ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้
เอกสารนี้จะแนะนำเทมเพลต AWS แบบใหม่ ซึ่งเราได้ทดสอบมาแล้วว่ารองรับปริมาณการส่งข้อความได้มากขึ้นและเสถียรขึ้น หากคุณมองหาเทมเพลต AWS แบบเก่า โปรดดูที่คลัง AWS
ก่อนเริ่มต้น คุณจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
คุณต้องตั้งค่าบัญชี AWS ให้ถูกต้องและทำความคุ้นเคยในการทำงานกับ AWS WhatsApp มาพร้อมเทมเพลต CloudFormation เพื่อให้สามารถติดตั้งใช้งานไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ได้อย่างง่ายดาย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์แหล่งข้อมูลการเริ่มต้นใช้งาน AWS
คุณต้องสร้างคู่คีย์ใหม่เพื่อเข้าถึงอินสแตนซ์ EC2 ที่สร้างขึ้นโดยเทมเพลต WhatsApp Business API นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้คู่คีย์ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ได้อีกด้วย โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างและใช้คู่คีย์กับอินสแตนซ์ EC2 ที่เอกสารประกอบเกี่ยวกับคู่คีย์ EC2 ของ Amazon
คุณจำเป็นต้องสร้างคู่คีย์โดยใช้ภูมิภาคที่คุณจะนำ WhatsApp Business API ไปใช้
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API จะใช้ประโยชน์จากอิมเมจ CentOS 9 (มีอยู่ใน AWS Marketplace) คุณควรอ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขก่อนใช้เทมเพลต หากไม่ยอมรับข้อกำหนดดังกล่าว จะทำให้ไม่สามารถสร้างเทมเพลตได้
หากต้องการอ่านและยอมรับอิมเมจ CentOS 9 AMI ให้ดำเนินการดังนี้
เทมเพลต WhatsApp Business API จะใช้ประเภททรัพยากร EFS ซึ่งมีให้ใช้ในภูมิภาค AWS บางภูมิภาคเท่านั้น ขณะนี้ มีเพียงภูมิภาคต่อไปนี้เท่านั้นที่ใช้ประเภททรัพยากรดังกล่าวได้
WhatsApp จะกำหนดว่าเราสามารถมอบตัวเลือกอื่นที่มีอยู่ให้แก่ภูมิภาคทั้งหมดได้หรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทดสอบเบื้องต้น
ไม่ เนื่องจากเราไม่รองรับ KOPS ทั้งนี้ เรารองรับโซลูชั่น AWS ที่ใช้ ECS และยังมีการตั้งค่า Kubernetes minikube ทั่วไปด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ระบบจะสร้างเครือข่าย Virtual Private Cloud (VPC) เมื่อคุณสมัครใช้งานบัญชีผู้ใช้ AWS นอกจากนี้ ยังต้องมีการกำหนดค่าต่างๆ และการจำกัดการควบคุมการเข้าถึงที่สอดคล้องกับธุรกิจหนึ่งโดยเฉพาะ
คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้ หากสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย VPC เรียบร้อยแล้ว แต่หากยัง คุณก็สามารถใช้เทมเพลตต่อไปนี้เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายบน AWS ได้
เทมเพลตเครือข่ายมีไว้ใช้อ้างอิงเท่านั้น โดยคุณสามารถแก้ไขเทมเพลตให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของคุณได้
หากต้องการนำเทมเพลตเครือข่ายไปใช้ ให้ดำเนินการดังนี้
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ชื่อสแต็กที่จะสร้าง |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ พื้นที่ที่พร้อมให้บริการ (AZ) สำหรับการสร้าง VPC |
| จำเป็นต้องระบุ จำนวนพื้นที่ที่พร้อมให้บริการซึ่งคุณได้เลือกไว้ |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ช่วงที่อยู่ IP (CIDR) สำหรับ VPC นี้ |
| จำเป็นต้องระบุ ระบบการทำงาน VPC |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ช่วงที่อยู่ IP (CIDR) สำหรับซับเน็ตสาธารณะ |
| จำเป็นต้องระบุ ช่วงที่อยู่ IP (CIDR) สำหรับซับเน็ตสาธารณะ |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ จำเป็นต้องระบุ หากจำนวนพื้นที่ที่พร้อมให้บริการมากกว่า 2 |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ จำเป็นต้องระบุ หากจำนวนพื้นที่ที่พร้อมให้บริการมากกว่า 3 |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ระบุหรือไม่ก็ได้ |
| มีเงื่อนไข จำเป็นต้องระบุ หากตั้งค่าการสร้างซับเน็ตส่วนตัวเป็น |
| มีเงื่อนไข จำเป็นต้องระบุ หากตั้งค่าการสร้างซับเน็ตส่วนตัวเป็น |
| มีเงื่อนไข จำเป็นต้องระบุ หากตั้งค่าการสร้างซับเน็ตส่วนตัวเป็น |
| มีเงื่อนไข จำเป็นต้องระบุ หากตั้งค่าการสร้างซับเน็ตส่วนตัวเป็น |
ก่อนจะติดตั้งใช้งานสแต็ก WhatsApp Business API บน AWS คุณจำเป็นต้องอัพโหลดไฟล์การกำหนดค่าของสแต็กย่อยที่มีการอ้างอิงไปยังบักเก็ต S3 ที่คุณมีสิทธิ์ในการอ่านเสียก่อน
WhatsApp Business API เป็นเทมเพลตหลักและจะสร้างทรัพยากรทั้งหมด (ยกเว้นเครือข่าย) ที่จำเป็นสำหรับไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ตามที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ เทมเพลตนี้จะสร้างทรัพยากรฐานข้อมูลด้วย หากต้องใช้
หากต้องการนำไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ไปใช้ ให้ดำเนินการดังนี้
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ชื่อสแต็กที่จะสร้าง ชื่อสแต็กต้องมีอักขระไม่เกิน 22 ตัว หมายเหตุ: ในกรณีที่เป็นการนำไปใช้ในภูมิภาค ap-southeast-1, ap-southeast-2, ap-northeast-1 หรือ ap-northeast-2 ชื่อสแต็กจะต้องมีอักขระไม่เกิน 8 ตัว หาก |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| ระบุหรือไม่ก็ได้ เปิดใช้งานฟีเจอร์ความพร้อมใช้งานสูง ค่าเริ่มต้น: |
| จำเป็นต้องระบุ จำนวนข้อความที่คุณต้องการส่งต่อวินาที เมื่อใช้ร่วมกับตัวเลือก |
| จำเป็นต้องระบุ ประเภทข้อความหลักที่คุณต้องการรับส่ง เมื่อใช้ร่วมกับตัวเลือก |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ติดตั้ง node-exporter บนโฮสต์ CoreApp แต่ละรายการเพื่อตรวจสอบอินสแตนซ์ ค่าเริ่มต้น: |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ชื่อสแต็ก CloudFormation ของเครือข่ายที่สร้างขึ้นในขั้นตอนการตั้งค่าเครือข่าย |
| จำเป็นต้องระบุ จำนวนซับเน็ตที่เลือก ในตอนนี้ เรารองรับซับเน็ตเพียง 2 รายการสำหรับการนำไปใช้ เพื่อให้กระจายงาน ECS ให้กับโฮสต์ทั้งหมดได้เท่าๆ กัน |
| จำเป็นต้องระบุ ในตอนนี้ เรารองรับเฉพาะโหลดบาลานเซอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งปรากฏให้เห็นเป็นสาธารณะ โปรดแก้ไขกลุ่มการรักษาความปลอดภัยหลังจากสร้างสแต็ก API เพื่อปิดสิทธิ์การเข้าถึงที่ไม่จำเป็น |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ คู่คีย์ที่เหมาะสมในการเข้าถึงอินสแตนซ์ EC2 (หากจำเป็น) |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ รายการนี้มีไว้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและรองรับไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API สำหรับทดลอง ค่าเริ่มต้นควรเหมาะสมสำหรับกรณีส่วนใหญ่ |
| จำเป็นต้องระบุ ขอแนะนำให้ใช้เวอร์ชั่นล่าสุดซึ่งมีความเสถียรอยู่เสมอ (โปรดดูเวอร์ชั่นล่าสุดที่บันทึกการเปลี่ยนแปลง) เวอร์ชั่นของไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API จะขึ้นต้นด้วย “v” อยู่เสมอ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นโดยชัดเจน หากใช้เวอร์ชั่นที่ไม่ถูกต้อง จะสร้างสแต็กไม่ได้ |
| จำเป็นต้องระบุ ขอแนะนำให้เลือกขนาด 32 GB ขึ้นไปสำหรับปริมาณงานที่ใช้งานจริง |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| ระบุหรือไม่ก็ได้ เปิดใช้งานการจัดเก็บข้อมูลการกำหนดค่าในฐานข้อมูล |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ชื่อโฮสต์ฐานข้อมูลที่มีอยู่ |
| จำเป็นต้องระบุ ชื่อผู้ดูแลสำหรับการเข้าถึงฐานข้อมูล |
| จำเป็นต้องระบุ รหัสผ่านของผู้ดูแลสำหรับการเข้าถึงฐานข้อมูล รหัสผ่านของฐานข้อมูลไม่ควรมีอักขระ ?{}&~!()^/"@ |
| จำเป็นต้องระบุ หมายเลขพอร์ตในการเข้าถึงแบ็กเอนด์ของฐานข้อมูล |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุว่าจะคงการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสำหรับคอนเทนเนอร์บนเว็บเอาไว้หรือไม่ ค่าเริ่มต้น: |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระยะเวลาหลังจากที่ฐานข้อมูลปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ไดรเวอร์การลงบันทึกสำหรับบันทึกคอนเทนเนอร์ |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ขนาดสูงสุดของไฟล์บันทึกคอนเทนเนอร์โดยมีหน่วยเป็น MB ก่อนจะมีการหมุนเวียน ค่าที่อนุญาตอยู่ที่ตั้งแต่ 1 ถึง 250 ค่าเริ่มต้น: 50 |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ จำนวนไฟล์บันทึกสูงสุดที่จะจัดเก็บต่อคอนเทนเนอร์ 1 รายการ ค่าที่อนุญาตอยู่ที่ตั้งแต่ 1 ถึง 30 ค่าเริ่มต้น: 7 |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ จำนวนวันที่จะจัดเก็บบันทึกไว้ใน CloudWatch ค่าเริ่มต้น: |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| ไม่ใช้ ให้ปล่อยพารามิเตอร์นี้ว่างไว้ |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| ระบุหรือไม่ก็ได้ โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะใช้คีย์บริการ AWS (ตัวเลือก Default-Key) เพื่อเข้ารหัสข้อมูล DB และ EFS ที่จัดเก็บ ตัวเลือกอื่นๆ มีดังนี้
|
| ระบุหรือไม่ก็ได้ คุณสามารถระบุ ID คีย์ KMS ที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลได้ ให้ปล่อยว่าง หากไม่ได้เลือกตัวเลือก User-Provided-Key |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ โดยค่าเริ่มต้น ข้อมูลที่อยู่ระหว่างการถ่ายโอนไปยังฐานข้อมูลจะได้รับการเข้ารหัส โดยในปัจจุบันจะใช้ได้กับ Coreapp เท่านั้น ระบบยังไม่รองรับการเข้ารหัส Webapp นอกจากนี้ เมื่อใช้เอนจิ้นฐานข้อมูลใหม่ แม้ว่าจะปิดใช้งานตัวเลือกนี้ แต่ Coreapp ก็จะเข้ารหัส ทั้งนี้จะไม่ใช้การตรวจสอบยืนยัน (ข้อมูลระบุตัวตนของ) ใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ค่าเริ่มต้นจะมีชุดใบรับรอง RDS อยู่ หากใช้ฐานข้อมูลที่ไม่ใช่ RDS คุณสามารถระบุชุดใบรับรอง CA ที่เหมาะสมได้ หรือจะปล่อยว่างไว้ก็ได้ ค่าเริ่มต้นนั้นเพียงพอที่จะทำให้การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัย |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อฐานข้อมูล |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ คีย์ไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อฐานข้อมูล |
คุณจำเป็นต้องระบุพารามิเตอร์เหล่านี้สำหรับแดชบอร์ด Grafana ในการเรียกดูเกณฑ์ชี้วัดของแอพพลิเคชั่นเพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบ
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ระบุชื่อผู้ใช้ของ WhatsApp Business API |
| จำเป็นต้องระบุ ระบุรหัสผ่านสำหรับ |
ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ ระบุรหัสผ่านที่ใช้เป็นรหัสผ่านในการเข้าสู่ระบบสำหรับแดชบอร์ด Grafana เมื่อมีการสร้างสแต็กขึ้น |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุว่ามีการเปิดใช้งาน SMTP เพื่อตั้งค่าการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือไม่ ค่าที่ถูกต้อง ได้แก่ ค่าเริ่มต้น: |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ โฮสต์ SMTP ที่ใช้ในการแจ้งเตือนทางอีเมล ตัวอย่างเช่น smtp.gmail.com:465 |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุชื่อผู้ใช้ SMTP ที่ใช้ในการแจ้งเตือนทางอีเมล |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุรหัสผ่าน SMTP ที่ใช้ในการแจ้งเตือนทางอีเมล |
เมื่อสร้างเทมเพลตสำเร็จแล้ว พารามิเตอร์ต่อไปนี้จะแสดงขึ้น
โดยค่าเริ่มต้น กฎการรักษาความปลอดภัยที่สแต็กสร้างขึ้นจะเปิดให้การเข้าใช้งานทั้งหมดสามารถเข้าถึงอินสแตนซ์ EC2 ได้ผ่าน SSH รวมถึงตำแหน่งข้อมูล API และแดชบอร์ด Grafana ผ่าน HTTPs ตลอดจนคอนเทนเนอร์ cadvisor และ Prometheus เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ปิดสิทธิ์การเข้าถึงที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย ส่วนนี้จะอธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการอัพเดตกฎการรักษาความปลอดภัย SSH ให้เห็นเป็นตัวอย่าง คุณควรจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง SSH เอาไว้ให้เฉพาะการเข้าใช้งานที่คุณไว้วางใจเท่านั้นอยู่เสมอ
"<stackName>-ms-xxx-EcsSecurityGroup"
เพื่อจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง SSH สำหรับสแต็กการตรวจสอบ
เมื่อนำไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ไปใช้ได้สำเร็จ จะต้องมีการกำหนดค่าให้ทำงานได้
โปรดดูข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่คำแนะนำเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์
ดาวน์โหลดใบรับรองที่เข้ารหัสแบบ base64 จากบัญชี WhatsApp ของคุณในตัวจัดการธุรกิจของ Facebook ใต้แท็บหมายเลขโทรศัพท์ของตัวจัดการ WhatsApp
เมื่อคุณเลือกหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกต้องและมีใบรับรองที่เข้ารหัสแบบ base64 แล้ว คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ผ่านโหนด account
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เอกสารประกอบเกี่ยวกับการลงทะเบียน
หากหมายเลขโทรศัพท์สามารถรับข้อความ SMS ได้ ให้ใช้วิธี SMS ในการเรียกดูรหัสการลงทะเบียน
คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้ หากได้รับรหัสการลงทะเบียนจาก WhatsApp ไปแล้ว
หลังจากสร้างสแต็ก คุณจำเป็นต้องใช้การเรียกใช้ API shards
ในการเพิ่มจำนวนอินสแตนซ์ Coreapp ที่ใช้งานอยู่ เพื่อให้ได้ปริมาณงานตามที่ต้องการ คุณสามารถดูจำนวนชาร์ดได้ในส่วนเอาต์พุตของสแต็ก
การกำหนดค่าการเรียกกลับบนเว็บของ WhatsApp Business API และพารามิเตอร์อื่นๆ จะมีคำอธิบายอยู่ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับการตั้งค่าแอพพลิเคชั่น เราขอแนะนำให้ดำเนินการตั้งค่าแอพพลิเคชั่นดังต่อไปนี้เพื่อให้ได้ปริมาณงานที่เสถียร
{ "settings": { "application": { "callback_backoff_delay_ms": 3000, "callback_persist": true, "db_garbagecollector_enable": false, # change this to true when there are no ongoing messaging campaigns "heartbeat_interval": 5, "max_callback_backoff_delay_ms": 900000, "media": { "auto_download": [ "document", "image", "video", "voice", "sticker", "audio" ] }, "notify_user_change_number": true, "pass_through": false, "sent_status": true, "show_security_notifications": false, "skip_referral_media_download": false, "unhealthy_interval": 30, "wa_id": "12245552741", "webhooks": { "max_concurrent_requests": 24, "message": { "delivered": true, "read": true, "sent": true }, "url": "<YOUR_WEBHOOK_SERVER_URL>" } } }, "meta": { "api_status": "stable", "version": "2.41.3" } }
ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API จะสร้างใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตนเองโดยค่าเริ่มต้นเมื่อมีการสร้างขึ้น คุณอาจต้องใช้ใบรับรอง Certification Authority (CA) ที่ใช้ในการสร้างใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตนเองในการตรวจสอบยืนยันตำแหน่งข้อมูลไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API และหลีกเลี่ยงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการไว้วางใจใบรับรอง
คุณสามารถดาวน์โหลดใบรับรอง CA และจัดเก็บใบรับรองดังกล่าวไว้ในเครื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการไว้วางใจใบรับรอง หรือจะอัพโหลดใบรับรองของคุณเองก็ได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เอกสารประกอบเกี่ยวกับโหนด certificate
ในการนำ AWS ไปใช้ ระบบจะสร้างใบรับรอง SSL โดยใช้ชื่อโฮสต์โหลดบาลานเซอร์ หากใช้ที่อยู่ IP แทนชื่อโฮสต์ในการเข้าถึง ระบบจะยังแสดงการแจ้งเตือนอยู่
WhatsApp จะรองรับการกำหนดค่าใบรับรอง SSL ที่ลูกค้าระบุในรุ่นต่อๆ ไป
เมื่อขั้นตอนการกำหนดค่าและการลงทะเบียนสำเร็จแล้ว คุณจะสามารถรับส่งข้อความเพื่อตรวจสอบฟังก์ชั่นการทำงานพื้นฐานของไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API โดยมีคำอธิบายอย่างครบถ้วนอยู่ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับข้อความ
เมื่อรับข้อความได้สำเร็จ ไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API จะ POST
สถานะ/รายละเอียดของข้อความไปยัง Webhook ที่กำหนดค่าในขั้นตอนที่ 3
หากได้รับข้อความของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะพร้อมแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย! โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งข้อมูล API ที่ใช้งานได้ที่เอกสารอ้างอิง
หากต้องการรีสตาร์ทไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API ในคอนโซล ECS (เช่น https://us-west-2.console.aws.amazon.com/ecs/home?region=us-west-2#/clusters) ให้ดำเนินการดังนี้
การดำเนินการนี้จะหยุดทั้ง Webapp และ CoreApp หลังจากนั้นไม่นาน โครงสร้างพื้นฐาน AWS จะรีสตาร์ททั้ง Webapp และ CoreApp
คุณอาจพบการหยุดทำงานเป็นเวลา 1 หรือ 2 นาที
การอัพเดตสแต็ก CloudFormation โดยตรงอาจส่งผลให้ฐานข้อมูลเสียหายและมีการสร้างขึ้นมาใหม่ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณปฏิบัติตามขั้นตอนแบบดำเนินการด้วยตนเองในส่วนถัดไปในการอัพเดตระบบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้อมูลสูญหาย
ส่วนนี้จะแนะนำวิธีอัพเกรดทั้งไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API และเทมเพลต CloudFormation (CFN) การดำเนินการอัพเกรดจะส่งผลให้เกิดการหยุดทำงาน ดังนั้น อย่าส่งข้อความในช่วงนี้ ให้กลับมาส่งข้อความอีกครั้งหลังจากอัพเกรดเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
คุณสามารถอัพเกรดเทมเพลต CFN และเวอร์ชั่นไคลเอ็นต์ WhatsApp Business API พร้อมกันได้โดยดำเนินการดังนี้
การตรวจสอบยืนยันการอัพเกรดด่วน:ส่งข้อความ SMS และตรวจสอบยืนยันว่าการตอบกลับ API มีหมายเลขเวอร์ชั่นที่ถูกต้อง (กล่าวคือ เป็นเวอร์ชั่นใหม่) ให้ตรวจสอบยืนยันด้วยว่าผู้รับได้รับข้อความ
ธุรกิจมักต้องการตั้งค่าสภาพแวดล้อมที่มีปริมาณงานสูงสำหรับแคมเปญแบบจำกัดเวลา และต้องการใช้สภาพแวดล้อมที่มีค่าใช้จ่ายต่ำในช่วงที่ไม่มีแคมเปญ ส่วนนี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปรับลดขนาดการตั้งค่า AWS ด้วยตนเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
สำคัญ: โปรดทราบว่าจะมีเวลาหยุดทำงาน ซึ่งการหยุดทำงานอาจอยู่ที่ 5 ถึง 15 นาทีโดยประมาณ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำตามหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของ DevOps โดยครบถ้วนแล้ว เช่น การสำรองข้อมูลการตั้งค่าแอพพลิเคชั่นและการสำรองฐานข้อมูล
2
c5.large
ที่มีราคาถูกลงได้
c5.large
และเลือก Create template version (สร้างเวอร์ชั่นเทมเพลต)
r5.xlarge
3
3
2
2
2