วัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้าน

เพื่อช่วยเหลือธุรกิจของคุณในการรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) เราจึงทำการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้านในบางส่วนเป็นการชั่วคราว เรียนรู้เพิ่มเติม

วัตถุประสงค์การเยี่ยมชมหน้าร้านช่วยให้คุณสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาบน Facebook เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมและยอดขายที่หน้าร้านค้าของคุณ โดยคุณสามารถเลือกวัตถุประสงค์การเยี่ยมชมหน้าร้านสำหรับแคมเปญของคุณได้ หากคุณมีธุรกิจที่มีร้านค้าหลายแห่งและได้เพิ่มตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าลงใน Facebook แล้ว

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเยี่ยมชมหน้าร้าน, ศูนย์ช่วยเหลือโฆษณา

ตำแหน่งการจัดวาง

ใช้ได้ใน Facebook บนเดสก์ท็อปและมือถือ (ฟีด, สตอรี่ และ Marketplace) และ Instagram (ฟีดและสตอรี่)

การปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสม

  • การปรับการเข้าถึงให้เหมาะสม — พร้อมให้ใช้งานสำหรับผู้ลงโฆษณาทุกรายที่มีสิทธิ์การเข้าถึง API นี้ โดยจะปรับให้เหมาะสมสำหรับการเข้าถึงที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันและแสดง "อิมเพรสชั่น" เป็นเกณฑ์ชี้วัดเริ่มต้นในการรายงานของตัวจัดการโฆษณา

สร้างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

หากต้องการสร้างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ เพื่อวัตถุประสงค์นี้ เพจของคุณจะต้องใช้ Facebook Locations

ข้อกำหนด

  • ต้องตั้งค่า objective ของแคมเปญเป็น STORE_VISITS
  • ต้องตั้งค่า promoted_object ของแคมเปญเป็น <PARENT_PAGE_ID> ที่ตรงกัน
  • promoted_object และ targeting ของชุดโฆษณาต้องมี place_page_set_id ของ <PAGE_SET_ID>
  • ต้องตั้งค่า optimization_goal ของชุดโฆษณาเป็น REACH
  • billing_event ของชุดโฆษณาควรเป็น IMPRESSIONS

ขั้นตอนที่ 1 สร้าง PageSet

Facebook ใช้ PageSet เพื่อกำหนดเป้าหมายโฆษณาและใช้เป็นอ็อบเจ็กต์ที่โปรโมทในโฆษณาของคุณ

วิธีสร้าง PageSet:

  1. รวบรวมตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้า ซึ่งก็คือเพจ Facebook ของตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าแต่ละแห่งและตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจหลักของคุณ ธุรกิจหลักของคุณจะเรียกว่าเพจหลัก
  2. สร้างโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งของคุณทั้งหมด
  3. สร้าง PageSet ด้วยโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้ง

รวบรวมตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าทั้งหมด

<PARENT_PAGE_ID> คือ ID เพจของเพจหลักสำหรับตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าของคุณทั้งหมด โดยจะเรียกดูเพจและตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้าทั้งหมดของเพจหลัก และจะส่งคืนตำแหน่งที่ตั้งแต่ละตำแหน่งเป็นลองจิจูดและละติจูด:

curl -X GET \
  -d 'fields="location{latitude,longitude},is_permanently_closed"' \
  -d 'limit=30000' \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v20.0/{page-id}/locations

ตัวอย่างเอาต์พุต

{
    "data": [
        {
            "location": {
                "latitude": 29.173384,
                "longitude": 48.098807
            },
            "is_permanently_closed": false,
            "id": "1788030244802584"
        },
        {
            "location": {
                "latitude": 29.303635,
                "longitude": 47.937725
            },
            "is_permanently_closed": false,
            "id": "261533444245300"
        },
        {
            "location": {
                "latitude": 29.302303,
                "longitude": 47.933178
            },
            "is_permanently_closed": false,
            "id": "179435399132774"
        },
        {
            "location": {
                "latitude": 29.302591,
                "longitude": 47.931801
            },
            "is_permanently_closed": false,
            "id": "1790317704582144"
        }
    ],
    "paging": {
        "cursors": {
            "before": "MTc4ODAzMDI0NDgwMjU4NAZDZD",
            "after": "MTA4MTU4NjU5NjA5MDA4"
        }
    }
}

สร้างโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้ง

ดำเนินการซ้ำผ่านข้อมูลแต่ละรายการในผลลัพธ์ที่ส่งคืนและตรวจสอบยืนยันว่าแต่ละตำแหน่งที่ตั้งเปิดให้บริการสำหรับธุรกิจโดยการตรวจสอบช่อง is_permanently_closed

รับรัศมีโดยประมาณโดยใช้คำขอ GET 2 ครั้งเพื่อรับพารามิเตอร์ radius และ distance_unit หรือคุณจะเรียกใช้ API แบตช์เพื่อสร้างค่าด้านล่างก็ได้

คำขอแบบแยก

คุณควรส่งคำขอนี้โดยใช้ละติจูดและลองจิจูดของเพจร้านค้าแต่ละเพจจากผลลัพธ์ JSON ที่ส่งคืนจากเพจหลัก ซึ่งระบบจะส่งคืนรัศมีโดยประมาณสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้ง

curl -X GET \
  -d 'type="adradiussuggestion"' \
  -d 'latitude=51.5152253' \
  -d 'longitude=-0.1423029' \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v20.0/search/

คำขอแบบแบตช์

คุณยังสามารถรวมคำขอหลายรายการให้เป็นคำขอเดียวได้ด้วย

curl \
  -F "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \
  -F "include_headers=false" \
  -F "batch=[
    {
      \"method\": \"GET\",
      \"relative_url\": \"/<API_VERSION>/search?type=adradiussuggestion&amp;latitude=29.173384&amp;longitude=48.098807\"
    },
    {
      \"method\": \"GET\",
      \"relative_url\": \"/<API_VERSION>/search?type=adradiussuggestion&amp;latitude=29.303635&amp;longitude=47.937725\"
    }
  ]" \
  "https://graph.facebook.com"
โครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งขั้นสุดท้าย

ใช้พารามิเตอร์ radius และ distance_unit ที่ได้จากการเรียกใช้ก่อนหน้าพร้อมทั้ง <CHILD_LOCATION_ID> ของแต่ละตำแหน่งที่ตั้งเป็น page_id เพื่อสร้างโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งขั้นสุดท้าย

[
    {
      "page_id": 1788030244802584,
      "radius": 1,
      "distance_unit": "mile"
    },
    {
      "page_id": 261533444245300,
      "radius": 1,
      "distance_unit": "mile"
    }
]

สร้าง Pageset ด้วยโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้ง

ขณะนี้มีเพียงพาร์ทเนอร์ในรายการที่อนุญาตเท่านั้นที่สามารถใช้ตำแหน่งข้อมูล PageSet ได้ โปรดติดต่อตัวแทน Facebook ของคุณเพื่อขอรับสิทธิ์การเข้าถึง

ขณะนี้คุณสามารถสร้าง PageSet โดยใช้ข้อมูลในโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งของคุณ

จำนวนตำแหน่งที่ตั้งสูงสุดที่สามารถใช้ใน PageSet คือ 10,000 ตำแหน่ง

คำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์

คุณสามารถส่งคำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์เพื่อสร้าง PageSet ของคุณได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้าง PageSets ขนาดใหญ่ที่มีตำแหน่งที่ตั้งมากกว่า 1,000 ตำแหน่งโดยที่ไม่มีการหมดเวลา เราแนะนำให้คุณใช้คำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์ทุกครั้งที่คุณสร้าง Pageset ที่มีตำแหน่งที่ตั้งมากกว่า 50 ตำแหน่ง

คำขอ

curl -X POST \
  -d 'name=test_2' \
  -d 'parent_page=ID_1' \
  -d 'pages=[{\'page_id':ID_2}]' \
  -d 'metadata={"audience":{"size":5000}}' \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ad_place_page_sets_async/

หมายเหตุ: คุณสามารถใช้ /ad_place_page_sets สำหรับคำขอแบบซิงโครไนซ์ แต่คุณควรใช้คำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์หากมีตำแหน่งที่ตั้งมากกว่า 50 ตำแหน่ง

รูปแบบสำหรับพารามิเตอร์จะเป็นรูปแบบเดียวกับที่คุณใช้เพื่อส่งคำขอแบบซิงโครไนซ์

ภายใน PageSet ของคุณ คุณสามารถใช้ช่อง metadata เพื่อระบุรัศมีคงที่สำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งในการแสดงโฆษณาของคุณ หรือเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในขนาดที่ต้องการ ซึ่งหากคุณเลือกอย่างหลัง Facebook จะคำนวณรัศมีสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งโดยอัตโนมัติเพื่อเข้าถึงบัญชีในศูนย์บัญชีในจำนวนดังกล่าว

ในตัวอย่างนี้ ช่อง metadata ตั้งค่าเป็นขนาด audience ที่ต้องการ (ตามที่อธิบายด้านล่าง) โปรดดู metadata สำหรับรัศมี ซึ่งระบบจะส่งคืน ID ad_place_page_set_async_request

{
  "id": "405738580111111"
}      

หลังจากนั้น คุณสามารถสืบค้น ID นั้นด้วยสิทธิ์การอนุญาต ads_read เพื่อรับ ID PageSet

curl -i -X GET \
 "https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/405738580111111?access_token=ACCESS_TOKEN"

การตอบกลับ

{
  "id": "405738580111111", 
  "place_page_set": {
    "id": "555555791481678",
    "name": "test_2"
  },
  "progress": 1
}

เมื่อ progress เปลี่ยนจาก 0.0 เป็น 1 และ 1 แปลว่าเราได้ดำเนินการตามคำขอของคุณเสร็จสมบูรณ์และสร้าง PageSet แล้ว

การใช้ metadata สำหรับรัศมี

ช่อง metadata จะช่วยให้ Facebook ทราบว่าคุณต้องการใช้รัศมีคงที่สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของคุณหรือว่าต้องการให้ Facebook คำนวณรัศมีสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งตามขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่ระบุโดยอัตโนมัติ

ตัวอย่าง

วิธีระบุรัศมีคงที่โดยใช้คำขอแบบซิงโครไนซ์:

curl -X POST \
  -d 'name=test_2' \
  -d 'parent_page=238219010666666' \
  -d 'pages=[{\'page_id':405936056444444}]' \
  -d 'metadata={"fixed_radius":{"value":5,"distance_unit":"mile"}}' \
  -d 'access_token=ACCESS_TOKEN' \
  "https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ad_place_page_sets/"

การดำเนินการนี้หมายความว่าคุณต้องการให้ Facebook แสดงโฆษณาของคุณแก่ผู้คนที่อยู่ภายในรัศมี 5 ไมล์นับจากตำแหน่งที่ตั้งทุกแห่งใน PageSet ของคุณ

การตอบกลับ

 {
  "id": "1618547271777777"
}

หมายเหตุ: ช่อง metadata ควรตั้งค่าเป็น fixed_radius หรือ audience

หากคุณใช้ fixed คุณจำเป็นต้องระบุ distance_unit และ value:

{
  "fixed_radius": {
     "distance_unit": "<distance_unit>"
     "value": <distance>
  }
}

หากคุณใช้ audience คุณจำเป็นต้องระบุ size แต่จะระบุ max_radius หรือไม่ก็ได้:

 {
  "audience": {
     "size": <audience size>
     "max_radius": { // optional
       "distance_unit": "<distance_unit>"
       "value": <distance>
     }
  }
}

หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ metadata

  • คุณจะต้องระบุ locations ด้วย แต่อย่าระบุรัศมี หรือหากคุณใช้พารามิเตอร์ locations และระบุรัศมี คุณไม่ควรระบุรัศมีสำหรับ metadata ด้วย
  • distance_unit ต้องเป็น mile หรือ kilometer และ value ต้องอยู่ระหว่าง 0.7 ถึง 50 สำหรับ mile หรือ 1 ถึง 80 สำหรับ kilometer
  • พารามิเตอร์ size ใน audience เป็นจำนวนของบัญชีในศูนย์บัญชีที่อยู่ในรัศมี ในกรณีที่รัศมีมีความยาวระหว่าง 1 ถึง 80 กิโลเมตร หากคุณระบุ max_radius รัศมีจริงที่เราคำนวณจะมีค่าต่างๆ ระหว่าง 1 ถึง max_radius
  • หากคุณกำหนด audience สำหรับ metadata คุณจะต้องส่งคำขอด้วยตำแหน่งข้อมูลแบบไม่ซิงโครไนซ์ (ad_account_ID/ad_place_page_set_async)

คำขอแบบซิงโครไนซ์

คุณยังคงสามารถใช้คำขอแบบซิงโครไนซ์เพื่อสร้าง PageSet ได้

curl -X POST \
  -d "name=My Grand Pageset" \
  -d "parent_page=<PARENT_PAGE_ID>" \
  -d "pages=<LOCATIONS_JSON_STRUCTURE>" \
  -d "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \
 https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ad_place_page_sets

ระบบจะส่งคืน ID PageSet ที่คุณจะใช้ภายหลัง

{
  "id": <PAGE_SET_ID>
}

หากเพจมีจำนวนเยอะเกินไปสำหรับการเรียกใช้ cURL คุณสามารถสร้างไฟล์ข้อความที่มีโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งและส่งผ่านไปยังแอตทริบิวต์ pages ด้วย -F "pages=&lt;locations_json_structure.txt"

ขั้นตอนที่ 2: สร้างแคมเปญ

สร้างแคมเปญโฆษณาโดยกำหนดวัตถุประสงค์เป็น STORE_VISITS และกำหนด ID เพจหลักเป็นอ็อบเจ็กต์ที่โปรโมท

โปรดดูแคมเปญโฆษณา, ข้อมูลอ้างอิง

ขั้นตอนที่ 3: สร้างชุดโฆษณา

สร้างชุดโฆษณาเพื่อใส่โฆษณาของคุณ โปรดดูข้อมูลอ้างอิง, ชุดโฆษณา, ข้อมูลอ้างอิง, ข้อมูลจำเพาะของการกำหนดเป้าหมาย และข้อมูลอ้างอิง, ตำแหน่งที่ตั้งของเพจ

เมื่อถึงเวลาแสดงโฆษณา Facebook จะยกเลิกการเผยแพร่โฆษณาที่กำหนดเป้าหมายเป็นตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ห่างจากตำแหน่งที่ตั้งของเพจที่ใกล้ที่สุดหรือที่เรียกว่าเพจท้องถิ่นเกิน 50 ไมล์

curl \
  -F 'name=Store Visits Ad Set' \
  -F 'promoted_object={"place_page_set_id":"<PAGE_SET_ID>"}' \
  -F 'optimization_goal=STORE_VISITS' \
  -F 'billing_event=IMPRESSIONS' \
  -F 'is_autobid=true' \
  -F 'daily_budget=1000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F "targeting={
    'place_page_set_ids': ['<PAGE_SET_ID>'],
    'device_platforms': ['mobile','desktop'],
    'facebook_positions': ['feed']
   }" \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets

การกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์

คุณสามารถกำหนดเป้าหมายของแคมเปญการเยี่ยมชมหน้าร้านตาม geo_locations ได้เช่นกัน

หมายเหตุ: สำหรับวัตถุประสงค์นี้ คุณสามารถใช้ได้เพียง geo_locationsหรือplace_page_set_ids ในการกำหนดเป้าหมายชุดโฆษณาเท่านั้น

เรารองรับการกำหนดเป้าหมายตาม geo_location ทุกประเภทในการกำหนดเป้าหมายและตำแหน่งการจัดวางขั้นสูง รวมถึงการกำหนดเป้าหมายตามประเทศ เมือง และรหัสไปรษณีย์ด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือก location_types อย่าง recent, home หรือ travel_in ได้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้คุณยังควรระบุ place_page_set_id ใน promoted_object อยู่ PageSet นี้ต้องเป็นชุดเพจที่ไม่มีชุดของตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจน โปรดดูการสร้างชุดเพจด้วยโครงสร้าง JSON ตำแหน่งที่ตั้งเพื่อสร้าง PageSet นี้ แต่ในกรณีนี้ ห้ามส่งเพจพารามิเตอร์

ขั้นแรก ให้สร้าง PageSet ที่คุณจะระบุในอ็อบเจ็กต์ที่โปรโมทในภายหลัง:

curl -X POST \
  -d "name=My geo targeting page set" \
  -d "parent_page=<PARENT_PAGE_ID>" \
  -d "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ad_place_page_sets/

หมายเหตุ: คุณไม่จำเป็นต้องระบุพารามิเตอร์ pages อย่างเช่นที่ทำปกติ

จากนั้นสร้างชุดโฆษณาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้านซึ่งกำหนดเป้าหมายตาม geo_locations

curl \
  -F 'name=Store Traffic Ad Set' \
  -F 'promoted_object={"place_page_set_id":"<PAGE_SET_ID>"}' \
  -F 'optimization_goal=STORE_VISITS' \
  -F 'billing_event=IMPRESSIONS' \
  -F 'is_autobid=true' \
  -F 'daily_budget=1000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F "targeting={
    'geo_locations': {"countries":["US"],"location_types": ["home"]}, 
    'device_platforms': ['mobile','desktop'],
    'facebook_positions': ['feed']
  }" \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets

เราจะแสดงโฆษณาของร้านค้าที่อยู่ใกล้ผู้ที่กำลังชมโฆษณาของคุณมากที่สุดโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนที่ 4: ใส่ชิ้นงานโฆษณา

คุณสามารถใส่ชิ้นงานโฆษณาแบบไดนามิกตามตำแหน่งที่ตั้งของบุคคลได้ ปรับแต่งชิ้นงานโฆษณาของคุณโดยใช้ชุดตัวยึดตำแหน่งเทมเพลต และเมื่อถึงเวลาใช้งาน Facebook จะแทนที่ตัวยึดตำแหน่งในโฆษณาของคุณด้วยข้อมูลจากตำแหน่งที่ตั้งของเพจที่ใกล้ที่สุด

ตัวยึดตำแหน่งที่ใช้ได้:

  • {{page.hours.today}}
  • {{page.location.city}}
  • {{page.location.region}}
  • {{page.location.postcode}}
  • {{page.location.street_address}}
  • {{page.name}}
  • {{page.phone_number}}

ช่อง dynamic_ad_voice ช่วยให้คุณสามารถควบคุมเสียงของโฆษณาได้:

  • หากตั้งค่า dynamic_ad_voice เป็น DYNAMIC ชื่อเพจและรูปโปรไฟล์ในโพสต์โฆษณาของคุณจะมาจากตำแหน่งที่ตั้งของเพจที่ใกล้ที่สุด
  • หากตั้งค่า dynamic_ad_voice เป็น STORY_OWNER ชื่อเพจและรูปโปรไฟล์ในโพสต์โฆษณาของคุณจะมาจากตำแหน่งที่ตั้งของเพจหลัก

การกระตุ้นให้ดำเนินการ

คุณสามารถเพิ่มปุ่มกระตุ้นให้ดำเนินการ (CTA) แบบไดนามิกตามตำแหน่งที่ตั้งของบุคคลได้ด้วยเช่นกัน:

  • เมื่อใช้ GET_DIRECTIONS หรือ CALL_NOW ไม่จำเป็นต้องระบุช่อง value ของ CTA โดยระบบจะพาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งที่ตั้งที่ใกล้ที่สุดหรือแจ้งให้โทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของตำแหน่งที่ตั้งที่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ
  • คุณจะใช้ MESSAGE_PAGE ได้ก็ต่อเมื่อตั้งค่า dynamic_ad_voice เป็น STORY_OWNER เท่านั้น โดยระบบจะส่งข้อความไปยังเพจหลัก
  • ช่องที่ระบุหรือไม่ก็ได้ หากไม่ได้ระบุไว้สำหรับโฆษณาแต่ละชิ้น เราจะแสดงปุ่ม Like Page

โปรดดูรายละเอียดที่ข้อมูลอ้างอิง, ชิ้นงานโฆษณา

ประเภท dynamic_ad_voice ประเภท call_to_action

DYNAMIC

CALL_NOW


GET_DIRECTIONS

STORY_OWNER

CALL_NOW


GET_DIRECTIONS


LEARN_MORE


MESSAGE_PAGE


ORDER_NOW


SHOP_NOW

ตัวอย่าง

ใส่ชิ้นงานโฆษณาโดยใช้ชื่อเพจและเมืองแบบไดนามิก:

curl \
  -F 'dynamic_ad_voice=DYNAMIC' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PARENT_PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "description": "Ad Description", 
      "link": "<URL>", 
      "message": "Ad Message for {{page.location.city}}", 
      "name": "{{page.name}}", 
      "picture": "<IMAGE_URL>" 
    } 
  }' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

ชิ้นงานโฆษณาที่มีการ์ดแผนที่

หากต้องการใช้การ์ดแผนที่ ให้เพิ่มโครงสร้าง place_data เป็นไฟล์แนบในช่อง child_attachments สำหรับชิ้นงานโฆษณาของคุณ

ในตัวอย่างนี้ แผนที่ที่มีลิงก์ตัวค้นหาร้านค้าบน Facebook จะอยู่รายการที่ 2 ในอาร์เรย์ child_attachmentsคุณต้องระบุอย่างน้อย 1 รายการนอกเหนือจากการ์ดแผนที่

curl \
  -F 'dynamic_ad_voice=DYNAMIC' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PARENT_PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "description": "Ad Description", 
      "link": "<URL>", 
      "message": "Ad Message for {{page.location.city}}", 
      "name": "{{page.name}}", 
      "child_attachments":[
        {
          "description": "Come visit us!",
          "link": "http://yourweburl.com",
          "name": "{{page.location.street_address}} - {{page.location.city}}",
          "call_to_action": {
            "type":"GET_DIRECTIONS"
          },
        },
        {
          "link": "https://fb.com/store_locator",
          "name": "Check out our stores.",
          "place_data": {
            "type":"DYNAMIC"
          },
        }
      ]
    } 
  }' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

การใช้ตัวค้นหาร้านค้าเป็นปลายทางลิงก์

เมื่อสร้างโฆษณา หากคุณกำหนด link เป็น "https://fb.com/store_locator" โฆษณาจะปรากฏโดยมีตัวค้นหาร้านค้าเป็นปลายทางลิงก์

ขั้นตอนที่ 5: สร้างโฆษณา

สร้างโฆษณาโดยปฏิบัติตามนี้

curl \
  -F 'name=My Ad' \
  -F 'adset_id=<AD_SET_ID>' \
  -F 'creative={"creative_id":"<CREATIVE_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ads

เพจและบัญชีโฆษณาของคุณจะต้องได้รับการอนุมัติสำหรับการวัดผลการเยี่ยมชมหน้าร้านก่อน คุณจึงจะสร้างโฆษณาเพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้านได้ มิฉะนั้น ระบบจะแสดงข้อผิดพลาดในลักษณะคล้าย Reach estimate isn't available because 'store_visits' isn't a valid action type

การวัดผลการเยี่ยมชมหน้าร้าน

การเยี่ยมชมหน้าร้านเป็นเกณฑ์ชี้วัดโดยประมาณซึ่งอิงตามข้อมูลจากผู้ใช้ที่เปิดใช้งานบริการตำแหน่ง ซึ่งช่วยวัดผลการเยี่ยมชมหน้าร้านและปรับให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้านในท้ายที่สุด โดยจะวัดผลการเยี่ยมชมหน้าร้านได้เฉพาะกับแคมเปญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้านเท่านั้น

การเยี่ยมชมหน้าร้านจะยึดตามจำนวนการคลิกและยอดดูโฆษณาโดยใช้วัตถุประสงค์เพื่อการเยี่ยมชมหน้าร้าน ซึ่งเป็นจำนวนการเยี่ยมชมร้านค้าของผู้ลงโฆษณาโดยประมาณที่มาจากบัญชีในศูนย์บัญชีที่เห็นหรือคลิกโฆษณาของแต่ละร้าน โดยคุณสามารถกำหนดค่าช่วงการระบุที่มาได้ โดยเลือกปรับแต่งตามจำนวนการคลิกหรือยอดดูในช่วง 1, 7 หรือ 28 วันได้ ทั้งนี้ระบบจะใช้การระบุที่มาตามค่าเริ่มต้นของบัญชีโฆษณา เว้นแต่คุณจะปรับแต่งการกำหนดค่าดังกล่าว โปรดดู API ข้อมูลเชิงลึก, ช่วงการระบุที่มา

ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการรายงานข้อมูลต่อไปนี้

  • การเยี่ยมชมหน้าร้าน - จำนวนการเยี่ยมชมร้านค้าของคุณโดยประมาณอันเป็นผลมาจากโฆษณา
  • ต้นทุนต่อการเยี่ยมชมหน้าร้าน - ต้นทุนเฉลี่ยต่อการเยี่ยมชมร้านค้าของคุณในแต่ละครั้งโดยประมาณอันเป็นผลมาจากโฆษณา

เมื่อใช้ตัวจัดการโฆษณา

โปรดดูคอลัมน์ในส่วน ENGAGEMENT: ACTIONS คอลัมน์เหล่านี้จะปรากฏในอินเทอร์เฟซการรายงานสำหรับการเยี่ยมชมหน้าร้านและต้นทุนต่อการเยี่ยมชมหน้าร้าน

หมายเหตุ: ข้อมูลการเยี่ยมชมหน้าร้านจะมีให้สำหรับร้านค้าที่ทีม Facebook ยืนยันว่ามีแคมเปญที่วัดผลได้เท่านั้น

เมื่อใช้ API ข้อมูลเชิงลึก

คุณจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเยี่ยมชมหน้าร้านจาก API ข้อมูลเชิงลึก โดยจะมีช่องเพิ่มเติมต่อไปนี้ในการเรียกข้อมูลเชิงลึกทั่วไป: cost_per_store_visit_action และ store_visit_actions โปรดดูข้อมูลเชิงลึก, ข้อมูลอ้างอิง

พารามิเตอร์

ช่องคำอธิบาย
point_estimate
int32

The point prediction of the value