หากบริการจัดการแท็กที่คุณมอบให้ลูกค้ามีการตั้งค่าพิกเซลของ Meta รวมอยู่ด้วย ขอแนะนำให้คุณพิจารณาเพิ่มฟังก์ชั่น API คอนเวอร์ชั่นเข้าไปด้วย การผสานการทำงานกับ API คอนเวอร์ชั่นจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถส่งเหตุการณ์ในเว็บไปยัง Meta ได้โดยตรง โดยไม่ต้องอาศัยเหตุการณ์พิกเซลในเบราว์เซอร์
ก่อนจะเริ่มต้น คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์กับพิกเซลของ Meta เสียก่อน ระบบจะส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ผ่าน API คอนเวอร์ชั่น และใช้เหตุการณ์ดังกล่าวในการวัดผล การรายงาน และการปรับให้เหมาะสม โดยจะทำเช่นเดียวกันกับเหตุการณ์พิกเซลในเบราว์เซอร์ด้วย
หากการส่งเหตุการณ์พิกเซลในเบราว์เซอร์เปรียบได้กับการส่งจดหมายด้วยการขนส่งทางอากาศ การส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ก็เปรียบได้กับการส่งจดหมายผ่านการขนส่งทางทะเล ทั้งคู่เป็นวิธีการขนย้ายพัสดุ (ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์) ไปยังที่อยู่เป้าหมาย (ID พิกเซล) เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงแนะนำให้คุณสร้างการผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นบนแพลตฟอร์มของคุณ โดยให้เป็นส่วนเสริมของพิกเซลของ Meta ที่คุณใช้อยู่ (แทนที่จะเป็นปลั๊กอินหรือบริการแยกต่างหาก) ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
เมื่อแพลตฟอร์มของคุณผสานการทำงานกับ API คอนเวอร์ชั่นแล้ว เราขอแนะนำให้ส่งเหตุการณ์ในเว็บรายการเดิมผ่านเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์ การดำเนินการซ้ำซ้อนเช่นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสัญญาณจะมีความมั่นคง เมื่อทำเช่นนี้แล้ว เหตุการณ์ที่อาจสูญหายไปในฝั่งเบราว์เซอร์ด้วยสาเหตุทางเครือข่ายหลากหลายประการ จะได้รับการบันทึกไว้ผ่าน API คอนเวอร์ชั่น
หากต้องการส่งเหตุการณ์ผ่านเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์ คุณจะต้องตั้งค่า event_id
ของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องให้เหมือนกันจึงจะถูกต้อง การทำเช่นนี้ช่วยให้ Facebook สามารถลบข้อมูลซ้ำในเหตุการณ์ของคุณได้อย่างเหมาะสม
แอพของคุณจะต้องผ่านการตรวจสอบแอพก่อนจึงจะเริ่มต้นให้บริการ API คอนเวอร์ชั่นแบบเป็นแพลตฟอร์มได้ ในระหว่างที่ตรวจสอบแอพ คุณต้องขอระดับสิทธิ์การเข้าถึง ฟีเจอร์ และสิทธิ์การอนุญาตต่อไปนี้
ads_management
, pages_read_engagement
และ ads_read
หากคุณใช้ API คอนเวอร์ชั่นเป็นครั้งแรก ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อสร้างธุรกิจ, แอพของ Meta, พิกเซลของ Meta และผู้ใช้ระบบ จากนั้นคุณจะสามารถใช้โทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้ระบบเพื่อส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ผ่าน API คอนเวอร์ชั่นได้
เมื่อคุณส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ไปยังพิกเซล Meta ของคุณเองสำเร็จแล้ว คุณจะสามารถเลือกวิธีส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าได้
คุณต้องส่งคำขออนุญาตเพื่อส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าของคุณก่อน โดยคุณมีตัวเลือกในการยืนยันตัวตนดังต่อไปนี้
เมื่อใช้ตัวเลือกนี้ ส่วนเสริมสำหรับ Facebook Business (FBE) จะส่งคืนข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดกลับมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวต้องใช้ในการส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าผ่านกระบวนการถัดไป FBE จะระบุตำแหน่งข้อมูลเพื่อเรียกใช้โทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้ระบบที่สร้างในตัวจัดการธุรกิจของลูกค้า กระบวนการนี้จะมีสิทธิ์การอนุญาตในการส่งเหตุการณ์ของเซิร์ฟเวอร์และจะดำเนินการโดยอัตโนมัติอย่างปลอดภัย
ตำแหน่งข้อมูลดังกล่าวจะต้องใช้โทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้เป็นพารามิเตอร์อินพุต สำหรับผู้ใช้ FBE รายใหม่ ให้เรียกใช้ตำแหน่งข้อมูลนี้เป็นตำแหน่งข้อมูลเพื่อดึงโทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้ระบบมาหลังจากตั้งค่า FBE เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนผู้ใช้ปัจจุบันจะต้องขอยืนยันตัวตนใหม่ก่อนเรียกใช้ตำแหน่งข้อมูล API ใหม่
เมื่อใช้ตัวเลือกนี้ คุณจำเป็นต้องให้ลูกค้าสร้างโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบด้วยตนเองผ่าน API คอนเวอร์ชั่นภายในการตั้งค่าพิกเซล จากนั้นคุณจึงจะสามารถส่งเหตุการณ์ไปยังพิกเซลของผู้ลงโฆษณาด้วยโทเค็นดังกล่าว
ผู้ใช้ระบบหรือผู้ใช้ระบบที่เป็นผู้ดูแลจะต้องติดตั้งแอพที่จะใช้เพื่อสร้างโทเค็นการเข้าถึง การตั้งค่าเช่นนี้จะทำให้แอพของคุณได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ API ในนามของผู้ใช้ระบบหรือผู้ใช้ระบบที่เป็นผู้ดูแลรายนี้
ติดตามเอกสารประกอบเริ่มต้นใช้งานของเราและขอรับโทเค็นผู้ใช้ของระบบจากผู้ลงโฆษณาของคุณ โปรดอย่าลืมใช้พิกเซลของ Meta และโทเค็นการเข้าถึงของคุณเองในการทดสอบ
เมื่อใช้ตัวเลือกนี้ ลูกค้าจะต้องแชร์พิกเซล Meta ของตนเองไปให้พาร์ทเนอร์ผ่านการตั้งค่าตัวจัดการธุรกิจหรือผ่าน API จากนั้นคุณจะสามารถกำหนดผู้ใช้ระบบของพาร์ทเนอร์ให้พิกเซลของลูกค้า และสร้างโทเค็นการเข้าถึงเพื่อส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ได้
partner_agent
ใช้ช่อง partner_agent
เพื่อระบุที่มาของเหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่นเป็นแพลตฟอร์มของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถตั้งค่าตัวระบุแพลตฟอร์มของตนเองเมื่อส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าได้ ประสานงานกับตัวแทน Facebook ของคุณเพื่อตกลงเลือกตัวระบุสำหรับแพลตฟอร์ม จากนั้นให้ส่งตัวระบุดังกล่าวนี้ไปพร้อมกับเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์แต่ละรายการ
หากคุณใช้ datapartner
เป็นตัวระบุของแพลตฟอร์ม นี่คือตัวอย่างเพย์โหลดเหตุการณ์การซื้อที่ส่งในนามของลูกค้า
{ "data": [ { "user_data": { "em": "8159ea0e33c51a774b83104ee562784f9b1836c852102046e4bd8385706fe7ca" }, "event_name": "PageView", "event_time": 1579645238 }, { "user_data": { "em": "8159ea0e33c51a774b83104ee562784f9b1836c852102046e4bd8385706fe7ca" }, "custom_data": { "currency": "USD", "value": "50" }, "event_name": "Purchase", "event_time": 1579645238 } ], "partner_agent": "datapartner" }
Sending events sent via the Conversions API is just like sending events via the Meta Pixel. The only difference is that the event is sent via the server, instead of the browser. So, why make an effort to integrate with the Conversions API? Here are some important use cases:
If someone uses an advertisers’ website to sign up for a credit card, they can send events such as ViewContent, Application Start, and Application Submit via the browser to the Meta Pixel. However, the end user still needs to be approved for this credit card. The Approval event happens offline and cannot be sent via browser. To register this final step, the advertiser can send the Approval via the Conversions API.
Browser side events can be lost for many reasons:
These examples can all be mitigated by sending events via the Conversions API.
Many advertisers have expressed concerns about sharing data via the browser when that data could be seen or inspected. This can be mitigated by sending data via the Conversions API.
For example, advertisers may want to send data like profit margin or lifetime value (LTV) along with a purchase
event. This way, ads can be optimized towards a specific type of customer.
Since browser events are always vulnerable to obstacles, we recommend that you only send events collected from the Conversions API sources. For example, if:
the data is open to the browser-side risks.
To take full advantage of the Conversions API, no part of the data flow should be reliant on the browser.
We recommend that you provide advertisers with a way to test this connection on your own platform.
200
return code.Meta tries to deduplicate identical events sent through the Meta Pixel and the Conversions API. We determine if events are identical based on their event_id
and event_name
. For more information, see Handling Duplicate Pixel and Conversions API Events.
The external_id
parameter is a string that represents a user on an advertiser's system. These IDs help improve ads attribution and create audiences.
You can send external_id
s via browser or the Conversions API, but you must be consistent across channels. For example, if you send a browser pixel event with external_id
set to 123
, your server event for that same user should also have external_id
set to 123
.