API คอนเวอร์ชั่นออกแบบมาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างข้อมูลทางการตลาดของคุณกับระบบที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการกำหนดเป้าหมายโฆษณา ลดต้นทุนต่อการดำเนินการ และวัดผลลัพธ์ต่างๆ ในเทคโนโลยีในเครือ Meta ซึ่งคุณสามารถกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ที่คุณตั้งค่าไว้บน Google Cloud Platform (GCP) หรือผู้ให้บริการระบบคลาวด์อื่นๆ ให้ส่งข้อมูลเหตุการณ์บนเว็บและเหตุการณ์แบบออฟไลน์ที่สำคัญผ่าน API คอนเวอร์ชั่นได้ เมื่อมีการตั้งค่านี้ หลังจากที่คุณกำหนดค่าแท็กเว็บ Google Analytics 4 (GA4) แล้ว คุณจะสามารถส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองที่โฮสต์อยู่บน Google Cloud Platform (GCP) ได้ และข้อมูลนั้นจะถูกส่งไปที่ Meta ผ่าน API คอนเวอร์ชั่นในท้ายที่สุด
Meta เขียนและจัดการแท็ก API คอนเวอร์ชั่นตามเทมเพลตแท็กแบบกำหนดเองของ Google โปรดติดต่อ Google หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ของ Google หรือเอกสารประกอบสำหรับผู้พัฒนาของ Google
เอกสารนี้จะสรุปข้อมูลดังต่อไปนี้
ก่อนที่จะทำการผสานการทำงานนี้ต่อ เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการดังต่อไปนี้
หากระบบของคุณใช้เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า GA4 คุณจะต้องอัพเกรดการตั้งค่าตัวจัดการแท็กที่มีอยู่เพื่อใช้ GA4 ก่อนที่จะทำการผสานการทำงานนี้ต่อ
การดำเนินการนี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการและจัดเก็บแท็กการติดตามและแท็กการตลาดได้ อีกทั้งยังช่วยคุณติดตามว่าผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร
คุณจะต้องกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์และคอนเทนเนอร์ของเว็บดังนี้
ไปที่ Google Tag Manager โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ Google Tag Manager
หากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ให้เลือกบัญชีนั้น แต่หากไม่มี ให้สร้างบัญชี GTM ใหม่
คลิกที่ "สร้างคอนเทนเนอร์"
ตั้งชื่อคอนเทนเนอร์ของคุณ แล้วเลือก "เซิร์ฟเวอร์" เป็นแพลตฟอร์มเป้าหมาย
คลิก "สร้าง"
การตั้งค่าคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์จำเป็นต้องกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การแท็ก โดยคุณจะสามารถใช้งาน GCP เริ่มต้นได้เมื่อตั้งค่าคอนเทนเนอร์เซิร์ฟเวอร์ โปรดดูคำแนะนำต่อไปนี้ สำหรับผู้ให้บริการระบบคลาวด์อื่นๆ (ตัวอย่างเช่น AWS หรือ Microsoft Azure) โปรดดูคู่มือการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเอง
กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บและเซิร์ฟเวอร์
graph.facebook.com
กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บเพื่อส่งข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์การแท็กที่สร้างขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีกำหนดค่า Google Analytics: แท็กการกำหนดค่า GA4
transport_url
คุณสามารถกำหนดค่าช่องเพิ่มเติมสำหรับพารามิเตอร์อื่นๆ ที่คุณต้องการส่งสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดได้
first_party_collection
true
หากคุณตั้งค่าการกำหนดค่า GA4 ที่มีอยู่แล้ว คุณสามารถแก้ไขหรือสร้างแท็กการกำหนดค่าเพิ่มเติมสำหรับ GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้
หากคุณตั้งค่า GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์เป็นครั้งแรก การเพิ่ม URL คอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์จะเริ่มส่งจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมดของคุณไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ หากคุณต้องการส่งข้อมูลไปยัง GA4 ต่อไป คุณจะต้องเพิ่มแท็กฝั่งเซิร์ฟเวอร์ GA4 ในคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งข้อมูลเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งนี้ คุณอาจต้องสร้างแท็กเหตุการณ์ GA4 เพิ่มเติมหรือแก้ไขแท็กที่มีอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าการแมปกับเหตุการณ์ในพิกเซลของ Meta จะสมบูรณ์
หากคุณได้ตั้งค่าโดเมนที่กำหนดเองแล้ว และโดเมนเซิร์ฟเวอร์การแท็ก GTM ของคุณเป็นโดเมนบุคคลที่หนึ่ง ระบบจะส่ง ID เบราว์เซอร์ของ Meta และ ID การคลิกของ Meta โดยอัตโนมัติ
หากคุณใช้โดเมนเริ่มต้นที่มีให้ หรือสังเกตเห็นว่าไม่มีการส่งช่อง ID เบราว์เซอร์และ ID การคลิกในตัวจัดการเหตุการณ์ คุณสามารถกำหนดค่าช่องเหล่านี้ได้ดังนี้
_fbp
_fbc
สร้างตัวแปรชั้นข้อมูลสำหรับพารามิเตอร์ user_data ของสกีมาเหตุการณ์ทั่วไปใน GTM แต่ละรายการ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าตัวแปรชั้นข้อมูล ตัวอย่างเช่น หากต้องการส่งอีเมลไปยัง GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ให้สร้างตัวแปร (เช่น user_data_email_address
) ที่สามารถนำไปแมปกับชื่อตัวแปรชั้นข้อมูล eventModel.user_data.email_address
ได้
หากคุณไม่ได้ใช้ชั้นข้อมูล ให้กำหนดค่าตัวแปรสำหรับแต่ละพารามิเตอร์ตามที่ระบุด้านล่างเพื่อใช้งานแทน รายการต่อไปนี้แสดงการแมปทั้งหมดสำหรับพารามิเตอร์ user_data ของ Meta และ GTM รวมถึงลำดับความสำคัญทั่วไปที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพการจับคู่เหตุการณ์ เราขอแนะนำให้ใช้หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ API คอนเวอร์ชั่นเมื่อคุณตั้งค่าการผสานการทำงาน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโฆษณาบน Meta หากคุณตั้งค่า API คอนเวอร์ชั่นแล้ว เราขอแนะนำให้พิจารณานำหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ไปใช้เพื่อปรับปรุงการตั้งค่าที่มีอยู่ โดยหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ API คอนเวอร์ชั่นนี้สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาได้โดยการลดต้นทุนต่อการดำเนินการให้กับคุณ
พารามิเตอร์ของ Meta สำหรับ API คอนเวอร์ชั่น | ชื่อช่อง GA4 | ชื่อตัวแปรชั้นข้อมูลใน GTM | ลำดับความสำคัญ |
---|---|---|---|
อีเมล
| user_data.email_address | eventModel.user_data.email_address | สูง |
ID การคลิก
| x-fb-ck-fbc | ไม่มีข้อมูล | สูง |
ID การเข้าสู่ระบบด้วย Facebook | user_data.fb_login_id | ไม่มีข้อมูล | ปานกลาง |
วันเกิด
| x-fb-ud-db | ไม่มีข้อมูล | ปานกลาง |
ประเทศ
| user_data.address.country | eventModel.user_data.address.country | ปานกลาง |
หมายเลขโทรศัพท์
| user_data.phone_number | eventModel.user_data.phone_number | ปานกลาง |
ID ภายนอก
| x-fb-ud-external_id | ไม่มีข้อมูล | ปานกลาง |
ID เบราว์เซอร์
| x-fb-ck-fbp | ไม่มีข้อมูล | ปานกลาง |
รัฐ
| user_data.address.region | eventModel.user_data.address.region | ปานกลาง |
เพศ
| x-fb-ud-ge | ไม่มีข้อมูล | ปานกลาง |
ชื่อ
| user_data.address.first_name | eventModel.user_data.address.first_name | ต่ำ |
นามสกุล
| user_data.address.last_name | eventModel.user_data.address.last_name | ต่ำ |
เมือง
| user_data.address.city | eventModel.user_data.address.city | ต่ำ |
รหัสไปรษณีย์ | user_data.address.postal_code | eventModel.user_data.address.postal_code | ต่ำ |
กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บเพื่อส่งข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์การแท็กที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่ม Google Analytics เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีกำหนดค่า Google Analytics: แท็กการกำหนดค่า GA4
เพิ่มแท็ก "Google Analytics: เหตุการณ์ GA4" จากแกลเลอรีเทมเพลตไปยังพื้นที่ทำงานของคุณดังนี้
ชื่อเหตุการณ์มาตรฐานของ Meta | ชื่อเหตุการณ์ของ Google Analytics |
---|---|
AddPaymentInfo | add_payment_info |
AddToCart | add_to_cart |
AddToWishlist | add_to_wishlist |
PageView | gtm.dom |
PageView | page_view |
Purchase | purchase |
Search | search |
InitiateCheckout | begin_checkout |
Lead | generate_lead |
ViewContent | view_item |
CompleteRegistration | sign_up |
ในส่วน "พารามิเตอร์เหตุการณ์" ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
คอนเทนเนอร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ใน GTM ทุกรายการมาพร้อมกับไคลเอ็นต์ GA4 เริ่มต้นสำหรับรับเหตุการณ์ที่กำหนดค่าจากแท็กเว็บ GA4 โดยไคลเอ็นต์ GA4 จะรับเส้นทาง /g/collect บน URL เซิร์ฟเวอร์การแท็กของคุณ และส่ง eventModel ไปยังแท็กดาวน์สตรีม หากไคลเอ็นต์ GA4 เริ่มต้นได้รับการติดตั้งในคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ในส่วน "ไคลเอ็นต์" แล้ว คุณสามารถไปที่ขั้นตอนที่ 4 ได้
หากต้องการส่งเหตุการณ์ไปยัง API คอนเวอร์ชั่น คุณต้องติดตั้งแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta จากแกลเลอรีเทมเพลต ซึ่ง facebookincubator เรียกเทมเพลตแท็กนี้ว่าแท็ก API คอนเวอร์ชั่น โดยคุณสามารถตั้งค่าแท็กนี้ให้ทำงานเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไคลเอ็นต์ GA4 ได้รับ (ในขั้นตอนก่อนหน้านี้) และส่งไปยัง API คอนเวอร์ชั่นได้ หากต้องการติดตั้งแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta คุณจะต้องมี ID พิกเซล, โทเค็นการเข้าถึง และระบุแหล่งที่มาของการดำเนินการเป็น "เว็บไซต์" เมื่อคุณใช้ API คอนเวอร์ชั่น แสดงว่าคุณยอมรับว่าพารามิเตอร์ action_source
นั้นถูกต้องตามขอบเขตความเข้าใจสูงสุดที่คุณมี
เราขอแนะนำให้ใช้โหมดพรีวิวของ Google Tag Manager เพื่อทดสอบการผสานการทำงานก่อนเผยแพร่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้งคอนเทนเนอร์ของเว็บและคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ต่างก็มีโหมดพรีวิว และคุณสามารถเรียกใช้ทั้งสองคอนเทนเนอร์พร้อมกันได้
หากคุณเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขณะเรียกใช้โหมดพรีวิว อย่าลืมเริ่มโหมดพรีวิวใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการแสดงผลของเปลี่ยนแปลงนั้นในขณะทดสอบ
คุณสามารถตรวจสอบยืนยันว่ามีการรับเหตุการณ์บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณตามที่ต้องการโดยใช้ฟีเจอร์ "ทดสอบเหตุการณ์" ในตัวจัดการเหตุการณ์ หากต้องการใช้เครื่องมือดังกล่าว ให้ไปที่ตัวจัดการเหตุการณ์ > แหล่งข้อมูล > พิกเซลของคุณ > ทดสอบเหตุการณ์
เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์จะสร้าง ID ทดสอบ ให้ส่ง ID ทดสอบเป็นพารามิเตอร์ test_event_code
ในแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของคุณเพื่อที่จะได้เริ่มเห็นกิจกรรมของเหตุการณ์ปรากฏขึ้นในหน้าต่าง "เหตุการณ์ทดสอบ" และอย่าลืมลบพารามิเตอร์นี้ออกก่อนที่จะเผยแพร่การเปลี่ยนแปลง
เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์ช่วยให้คุณสามารถดูได้ว่ามีการรับเหตุการณ์และลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนอย่างถูกต้องหรือไม่ หากคุณไม่เห็นเหตุการณ์ปรากฏขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองนาที ให้ตรวจสอบตัวแก้ไขจุดบกพร่องฝั่งเซิร์ฟเวอร์ GTM เพื่อให้แน่ใจว่าส่งคำขอสำเร็จ โดยมีวิธีดังนี้
https://graph.facebook.com
ตรวจสอบเนื้อหาการตอบกลับที่ด้านล่างของรายละเอียดคำขอเพื่อดูว่าข้อผิดพลาดคืออะไร จากนั้นอัพเดตการผสานการทำงานของคุณตามความเหมาะสม อย่าลืมเริ่มโหมดพรีวิวใหม่หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเมื่อมีเหตุการณ์แสดง ให้ตรวจสอบยืนยันว่าได้มีการส่ง ID เหตุการณ์สำหรับแต่ละเหตุการณ์อย่างถูกต้อง และมีการแสดงคีย์การจับคู่และพารามิเตอร์ข้อมูลที่กำหนดเองที่คาดไว้อย่างถูกต้องทั้งหมด เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์ช่วยให้คุณสามารถดูได้ว่ามีการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนอย่างถูกต้องหรือไม่ หาก ID เหตุการณ์แตกต่างกัน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการส่งแท็ก GA4 และแท็กพิกเซลของ Meta จากการกระตุ้นการทำงานเดียวกัน และตรวจสอบการใช้งานตัวแปร ID เหตุการณ์ของคุณ
เราขอแนะนำให้คุณใช้การตั้งค่าเหตุการณ์ซ้ำซ้อน และแชร์เหตุการณ์เดียวกันจากทั้ง API คอนเวอร์ชั่นและพิกเซลของ Meta ของคุณ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้ง 2 เหตุการณ์ใช้ event_name
เดียวกัน และรวม event_id
หรือทั้ง external_id
และ fbp
ไว้แล้ว
วิธีนี้จะช่วยให้ Meta สามารถลบเหตุการณ์ที่ซ้ำออก และลดการรายงานเหตุการณ์ที่เหมือนกัน 2 ครั้งได้ โปรดเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อน ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องดำเนินการ และวิธีตั้งค่าexternal_id และ fbp เป็นโซลูชั่นทางเลือกสำหรับการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนและช่วยปรับปรุงคุณภาพของการตั้งค่าด้วย เราขอแนะนำให้ใส่พารามิเตอร์ทั้ง 3 รายการเหล่านี้ไว้หากเป็นไปได้
GTM มีหลายวิธีให้คุณใช้ในการตั้งค่าพารามิเตอร์ที่มีค่าเดียวกันบนแท็กเบราว์เซอร์และแท็กเซิร์ฟเวอร์ วิธีหนึ่งก็คือการใช้เหตุการณ์ GA4 เดียวกันเพื่อเป็นทริกเกอร์ในการส่งข้อมูลแท็กพิกเซลของ Meta และเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์ คุณสามารถดำเนินการนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ดังนี้
event_id
เดียวกันในทั้ง 2 แท็ก
x-fb-event_id
) จากเหตุการณ์ gtag สร้าง ID ที่ไม่ซ้ำกัน (ต่อเหตุการณ์) บนเว็บไซต์โดยใช้เมธอด Javascript (หรือโดยใช้ตัวแปร Javascript แบบกำหนดเองของ Google Tag Manager) และกำหนดค่าในเหตุการณ์ตามนี้gtag('event', 'purchase', { 'x-fb-event_id': generateEventId(), ...:... });คุณสามารถสร้างตัวแปรที่นำไปยัง Javascript แบบกำหนดเองที่แสดงไว้ด้านบนได้ เมื่อใดก็ตามที่มีการอ้างอิง var ระบบจะโหลด Javascript ด้านล่างเข้ามาในบรรทัด ดังนี้
function() { var gtmData = window.google_tag_manager[{{Container ID}}].dataLayer.get('gtm'); return gtmData.start + '.' + gtmData.uniqueEventId; }
x-fb-event_id
ได้ ซึ่งทำได้โดยสร้างตัวแปรชั้นข้อมูลใหม่ เช่น FBEventIdVar โดยใช้ชื่อตัวแปรชั้นข้อมูลเป็น eventModel.x-fb-event_id
event_id
จากตัวแปรได้fbq('track', Purchase, {..}, {eventID: FBEventIDVar });กำหนดค่าเหตุการณ์ GA4 ให้ส่งพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่มีชื่อว่า
x-fb-event_id
ซึ่งตั้งค่าเป็นตัวแปร FBEventIdVar
หากต้องการส่งข้อมูลที่กำหนดเอง ให้ใช้การแมปด้านล่างนี้ในแท็กเหตุการณ์ GA4 ของคุณ
ชื่อพารามิเตอร์ของ Meta | ชื่อพารามิเตอร์ของ GA4 |
---|---|
value | value |
currency | currency |
search_string | search_term |
order_id | transaction_id |
content_ids | x-fb-cd-content_ids |
content_type | x-fb-cd-content_type |
content_name | x-fb-cd-content_name |
content_category | x-fb-cd-content_category |
contents* | items หรือ x-fb-cd-contents |
num_items | x-fb-cd-num_items |
predicted_ltv | x-fb-cd-predicted_ltv |
status | x-fb-cd-status |
delivery_category | x-fb-cd-delivery_category |
custom_properties* | custom_properties |
โปรดแปลงค่า x-fb-cd-contents และ custom_properties ให้เป็นสตริงแบบ JSON.stringify ก่อนส่ง เนื่องจากค่าเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์ JSON ที่กำหนดโดย Meta
หลังจากกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บและเซิร์ฟเวอร์แล้ว คุณสามารถส่งเหตุการณ์ตัวอย่างจากเว็บไซต์ของคุณเพื่อตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์ได้ เหตุการณ์ตัวอย่างที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดค่าไว้อาจมีลักษณะเช่นนี้
gtag('event', 'purchase', { 'event_id': generateEventId(), 'transaction_id': 't_12345', 'currency': 'USD', 'value': 1.23, user_data: { email_address: '<HASHED_DATA>', phone_number: '<HASHED_DATA>', address: { first_name: '<HASHED_DATA>', last_name: '<HASHED_DATA>', city: '<HASHED DATA>', region: '<HASHED_DATA>', postal_code: '<HASHED_DATA>', country: '<HASHED_DATA>' }, }, items: [ { item_id: '1', item_name: 'foo', quantity: 5, price: 123.45, item_category: 'bar', item_brand: 'baz' } ], });
เมื่อมีการเรียกใช้เหตุการณ์แล้ว คุณจะเห็นคำขอที่ส่งไปยังลิงก์ตัวอย่าง เช่น www.analytics.example.com/g/collect พร้อมพารามิเตอร์ที่กำหนดค่าไว้ คุณสามารถเพิ่มโค้ดเหตุการณ์ทดสอบลงในแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta เพื่อตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์ที่ส่งไปยัง API คอนเวอร์ชั่น ทั้งนี้ คุณควรใช้โค้ดเหตุการณ์ทดสอบสำหรับการทดสอบเท่านั้น โดยคุณต้องลบออกเมื่อส่งเพย์โหลดที่ใช้งานจริง
หลังจากที่คุณเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงแล้ว ให้ใช้หน้าตรวจสอบยืนยันการตั้งค่าของคุณที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่ามีการส่งกิจกรรมของคุณอย่างถูกต้อง โดยตรวจสอบ "การตั้งค่าการตรวจสอบยืนยัน - API คอนเวอร์ชั่น" ต่อไปนี้ และตรวจสอบว่าคุณภาพของการผสานการทำงานเป็นไปตามหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของเรา
มีแผนที่จะเพิ่มความสามารถในการส่งพารามิเตอร์แบบกำหนดเองหรือไม่ หากมี ความสามารถนี้จะใช้ได้เมื่อใด
คำตอบ: เราได้เพิ่มการแมปสำหรับพารามิเตอร์มาตรฐานแบบกำหนดเองส่วนใหญ่ของ API คอนเวอร์ชั่นที่มีการรองรับในสกีมาของ GTM แล้ว นอกจากนี้ เรายังมีการแมปแบบกำหนดเองด้วย โปรดดูเพิ่มเติมที่นี่
เซิร์ฟเวอร์หรือคลัสเตอร์เดียวสามารถเรียกใช้คอนเทนเนอร์หลายรายการได้หรือไม่
คำตอบ: ปัจจุบัน GTM รองรับการแมปแบบ 1:1 เท่านั้น โปรดอ่านคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีจัดระเบียบคอนเทนเนอร์
GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ต้องใช้แท็กบนเบราว์เซอร์เพื่อส่งเหตุการณ์ใช่หรือไม่
คำตอบ: ใช่
เราสามารถทำให้ GA4 ทำงานแยกส่วนกับการผสานการทำงานฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้หรือไม่
คำตอบ: หากต้องการให้ GA4 และการผสานการทำงาน GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ทำงานแยกส่วนกัน คุณสามารถสร้าง ID การวัดผลเพิ่มเติมได้ใน Google Analytics ให้สร้างแท็กการกำหนดค่า GA4 แยกเฉพาะสำหรับ GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ ID การวัดผลนี้โดยทำตามขั้นที่อธิบายไว้ข้างต้น ในสถานการณ์เช่นนี้ แท็กการกำหนดค่า GA4 ที่มีอยู่ของคุณจะยังคงส่งข้อมูลจำนวนผู้เข้าชม GA ผ่านคอนเทนเนอร์ของเว็บต่อไป ในขณะที่แท็กการกำหนดค่าใหม่จะส่งข้อมูลไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ สร้างแท็กเหตุการณ์ GA4 เพิ่มเติมตามขั้นตอนที่ 2 เพื่อส่งเหตุการณ์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์โดยใช้แท็กการกำหนดค่าใหม่
การผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นสำหรับ GTM ทำงานร่วมกับโซลูชั่นที่โฮสต์ระบบคลาวด์อื่นนอกเหนือจาก GCP หรือไม่
คำตอบ: การผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นสำหรับ GTM ควรทำงานร่วมกับ GCP หรือแพลตฟอร์มใดๆ ที่คุณต้องการได้ โปรดอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมการด้วยตนเองที่นี่