API คอนเวอร์ชั่นสำหรับ Google Tag Manager (GTM) ฝั่งเซิร์ฟเวอร์

API คอนเวอร์ชั่นออกแบบมาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างข้อมูลทางการตลาดของคุณกับระบบที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการกำหนดเป้าหมายโฆษณา ลดต้นทุนต่อการดำเนินการ และวัดผลลัพธ์ต่างๆ ในเทคโนโลยีในเครือ Meta ซึ่งคุณสามารถกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ที่คุณตั้งค่าไว้บน Google Cloud Platform (GCP) หรือผู้ให้บริการระบบคลาวด์อื่นๆ ให้ส่งข้อมูลเหตุการณ์บนเว็บและเหตุการณ์แบบออฟไลน์ที่สำคัญผ่าน API คอนเวอร์ชั่นได้ เมื่อมีการตั้งค่านี้ หลังจากที่คุณกำหนดค่าแท็กเว็บ Google Analytics 4 (GA4) แล้ว คุณจะสามารถส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองที่โฮสต์อยู่บน Google Cloud Platform (GCP) ได้ และข้อมูลนั้นจะถูกส่งไปที่ Meta ผ่าน API คอนเวอร์ชั่นในท้ายที่สุด

Meta เขียนและจัดการแท็ก API คอนเวอร์ชั่นตามเทมเพลตแท็กแบบกำหนดเองของ Google โปรดติดต่อ Google หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ของ Google หรือเอกสารประกอบสำหรับผู้พัฒนาของ Google

เอกสารนี้จะสรุปข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ข้อกำหนดเบื้องต้น รวมถึงวิธีสร้างคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์
  • วิธีกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ให้รองรับการใช้งานของคุณโดยใช้แท็กเว็บ GA4
  • วิธีส่งข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ GCP ของคุณ
  • วิธีแชร์ข้อมูลดังกล่าวกับ Meta ผ่าน API คอนเวอร์ชั่น
  • คำถามที่พบบ่อย

ข้อกำหนดเบื้องต้น

ก่อนที่จะทำการผสานการทำงานนี้ต่อ เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. ทำความคุ้นเคยกับการผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นและหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งค่า
  2. ทำความคุ้นเคยกับการแท็กฝั่งเซิร์ฟเวอร์และเทมเพลตแท็กแบบกำหนดเอง

หากระบบของคุณใช้เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า GA4 คุณจะต้องอัพเกรดการตั้งค่าตัวจัดการแท็กที่มีอยู่เพื่อใช้ GA4 ก่อนที่จะทำการผสานการทำงานนี้ต่อ

การผสานการทำงาน

สร้างคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์บน GTM

การดำเนินการนี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการและจัดเก็บแท็กการติดตามและแท็กการตลาดได้ อีกทั้งยังช่วยคุณติดตามว่าผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ของคุณอย่างไร

คุณจะต้องกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์และคอนเทนเนอร์ของเว็บดังนี้

  • คอนเทนเนอร์ของเว็บ: หากใช้ GTM เป็นครั้งแรก ให้เริ่มต้นด้วยการติดตั้งคอนเทนเนอร์ของเว็บลงในบัญชีของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
  • คอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์: คุณจะต้องสร้างคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ในพอร์ทัล GTM ของคุณเพื่อตั้งค่า URL เซิร์ฟเวอร์การแท็ก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนนี้

ไปที่ Google Tag Manager โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ Google Tag Manager

สร้างคอนเทนเนอร์ใหม่

หากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ให้เลือกบัญชีนั้น แต่หากไม่มี ให้สร้างบัญชี GTM ใหม่

  • คลิกที่ "สร้างคอนเทนเนอร์"

  • ตั้งชื่อคอนเทนเนอร์ของคุณ แล้วเลือก "เซิร์ฟเวอร์" เป็นแพลตฟอร์มเป้าหมาย

  • คลิก "สร้าง"

การตั้งค่าคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์จำเป็นต้องกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การแท็ก โดยคุณจะสามารถใช้งาน GCP เริ่มต้นได้เมื่อตั้งค่าคอนเทนเนอร์เซิร์ฟเวอร์ โปรดดูคำแนะนำต่อไปนี้ สำหรับผู้ให้บริการระบบคลาวด์อื่นๆ (ตัวอย่างเช่น AWS หรือ Microsoft Azure) โปรดดูคู่มือการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเอง

กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บและเซิร์ฟเวอร์

  1. สร้างองค์ประกอบต่อไปนี้ในคอนเทนเนอร์ของเว็บ
    • การกำหนดค่า GA4 เพื่อกำหนดค่า URL เซิร์ฟเวอร์การแท็กของคุณ และ
    • เหตุการณ์ GA4 เพื่อกำหนดค่าสกีมาของเหตุการณ์ที่จะส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์
  2. สร้างองค์ประกอบต่อไปนี้ในคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์
    • ไคลเอ็นต์ GA4 ซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณสำหรับเหตุการณ์ที่ส่งข้อมูลเหตุการณ์ไปยัง Meta
    • แท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta ซึ่งเป็นแท็กฝั่งเซิร์ฟเวอร์ที่แปลงรูปแบบเหตุการณ์มาตรฐานจากไคลเอ็นต์ GA4 ให้เป็นสกีมาเหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่น และส่งไปยัง graph.facebook.com

ขั้นตอนที่ 1: การกำหนดค่า GA4 – กำหนดค่า URL เซิร์ฟเวอร์การแท็กของคุณ

กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บเพื่อส่งข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์การแท็กที่สร้างขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีกำหนดค่า Google Analytics: แท็กการกำหนดค่า GA4

  • หากคุณเลือก "ส่งไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์" ให้ตั้งค่า URL คอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ของคุณเป็น URL เซิร์ฟเวอร์การแท็ก
  • หากคุณไม่ได้เลือก "ส่งไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์" ให้คลิก "เพิ่มแถว" ใน "ช่องที่จะตั้งค่า" แล้วตั้งค่าดังนี้
    • ชื่อช่อง: transport_url
    • ค่าของช่อง: URL เซิร์ฟเวอร์การแท็กของคุณ

คุณสามารถกำหนดค่าช่องเพิ่มเติมสำหรับพารามิเตอร์อื่นๆ ที่คุณต้องการส่งสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดได้

  • ตั้งค่าแฟล็ก first_party_collection เป็น true คุณต้องดำเนินการเช่นนี้เพื่อที่จะสามารถส่งพารามิเตอร์ user_data ไปยัง GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้ โดยใน "ช่องที่จะตั้งค่า" ให้คลิก "เพิ่มแถว" แล้วตั้งค่าดังนี้
    • ชื่อช่อง: first_party_collection
    • ค่าของช่อง: true

การใช้แท็กการกำหนดค่า GA4 ที่มีอยู่แล้ว

หากคุณตั้งค่าการกำหนดค่า GA4 ที่มีอยู่แล้ว คุณสามารถแก้ไขหรือสร้างแท็กการกำหนดค่าเพิ่มเติมสำหรับ GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้

หากคุณตั้งค่า GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์เป็นครั้งแรก การเพิ่ม URL คอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์จะเริ่มส่งจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมดของคุณไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ หากคุณต้องการส่งข้อมูลไปยัง GA4 ต่อไป คุณจะต้องเพิ่มแท็กฝั่งเซิร์ฟเวอร์ GA4 ในคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งข้อมูลเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งนี้ คุณอาจต้องสร้างแท็กเหตุการณ์ GA4 เพิ่มเติมหรือแก้ไขแท็กที่มีอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าการแมปกับเหตุการณ์ในพิกเซลของ Meta จะสมบูรณ์

การส่ง ID เบราว์เซอร์ของ Meta และ ID การคลิกของ Meta

หากคุณได้ตั้งค่าโดเมนที่กำหนดเองแล้ว และโดเมนเซิร์ฟเวอร์การแท็ก GTM ของคุณเป็นโดเมนบุคคลที่หนึ่ง ระบบจะส่ง ID เบราว์เซอร์ของ Meta และ ID การคลิกของ Meta โดยอัตโนมัติ

หากคุณใช้โดเมนเริ่มต้นที่มีให้ หรือสังเกตเห็นว่าไม่มีการส่งช่อง ID เบราว์เซอร์และ ID การคลิกในตัวจัดการเหตุการณ์ คุณสามารถกำหนดค่าช่องเหล่านี้ได้ดังนี้

  • ไปที่ส่วนตัวแปร และสร้างตัวแปรที่กำหนดโดยผู้ใช้ใหม่สำหรับทั้ง ID เบราว์เซอร์ของ Meta และ ID การคลิกของ Meta โดยใช้ตัวแปรประเภทคุกกี้ของบุคคลที่หนึ่ง
    • สำหรับ ID เบราว์เซอร์ของ Meta ให้ตั้งชื่อคุกกี้เป็น _fbp
    • สำหรับ ID การคลิกของ Meta ให้ตั้งชื่อคุกกี้เป็น _fbc
  • บันทึกตัวแปรเหล่านี้
  • ในแท็กการกำหนดค่า GA4 ของคุณ ให้คลิก "เพิ่มแถว" ใน "ช่องที่จะตั้งค่า" แล้วตั้งค่าดังนี้
    • ชื่อช่อง: x-fb-ck-fbp
    • ค่าของช่อง: ตัวแปร ID เบราว์เซอร์ของ Meta ของคุณ
  • เพิ่มแถวเพิ่มเติมสำหรับ ID การคลิก
  • ชื่อช่อง: x-fb-ck-fbc
  • ค่าของช่อง: ตัวแปร ID การคลิกของ Meta ของคุณ

สร้างตัวแปรชั้นข้อมูลสำหรับพารามิเตอร์ user_data ของสกีมาเหตุการณ์ทั่วไปใน GTM แต่ละรายการ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าตัวแปรชั้นข้อมูล ตัวอย่างเช่น หากต้องการส่งอีเมลไปยัง GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ให้สร้างตัวแปร (เช่น user_data_email_address) ที่สามารถนำไปแมปกับชื่อตัวแปรชั้นข้อมูล eventModel.user_data.email_address ได้

หากคุณไม่ได้ใช้ชั้นข้อมูล ให้กำหนดค่าตัวแปรสำหรับแต่ละพารามิเตอร์ตามที่ระบุด้านล่างเพื่อใช้งานแทน รายการต่อไปนี้แสดงการแมปทั้งหมดสำหรับพารามิเตอร์ user_data ของ Meta และ GTM รวมถึงลำดับความสำคัญทั่วไปที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพการจับคู่เหตุการณ์ เราขอแนะนำให้ใช้หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ API คอนเวอร์ชั่นเมื่อคุณตั้งค่าการผสานการทำงาน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโฆษณาบน Meta หากคุณตั้งค่า API คอนเวอร์ชั่นแล้ว เราขอแนะนำให้พิจารณานำหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ไปใช้เพื่อปรับปรุงการตั้งค่าที่มีอยู่ โดยหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ API คอนเวอร์ชั่นนี้สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาได้โดยการลดต้นทุนต่อการดำเนินการให้กับคุณ

พารามิเตอร์ของ Meta สำหรับ API คอนเวอร์ชั่นชื่อช่อง GA4ชื่อตัวแปรชั้นข้อมูลใน GTMลำดับความสำคัญ

อีเมล

email_address(em)

user_data.email_address

eventModel.user_data.email_address

สูง

ID การคลิก

fbc

x-fb-ck-fbc

ไม่มีข้อมูล

สูง

ID การเข้าสู่ระบบด้วย Facebook fb_login_id

user_data.fb_login_id

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

วันเกิด

db

x-fb-ud-db

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

ประเทศ

country(country)

user_data.address.country

eventModel.user_data.address.country

ปานกลาง

หมายเลขโทรศัพท์

phone_number(ph)

user_data.phone_number

eventModel.user_data.phone_number

ปานกลาง

ID ภายนอก

external_id

x-fb-ud-external_id

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

ID เบราว์เซอร์

fbp

x-fb-ck-fbp

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

รัฐ

state(st)

user_data.address.region

eventModel.user_data.address.region

ปานกลาง

เพศ

ge

x-fb-ud-ge

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

ชื่อ

first_name(fn)

user_data.address.first_name

eventModel.user_data.address.first_name

ต่ำ

นามสกุล

last_name(ln)

user_data.address.last_name

eventModel.user_data.address.last_name

ต่ำ

เมือง

city(ct)

user_data.address.city

eventModel.user_data.address.city

ต่ำ

รหัสไปรษณีย์ postal_code(zip)

user_data.address.postal_code

eventModel.user_data.address.postal_code

ต่ำ


ขั้นตอนที่ 2: เหตุการณ์ GA4 – กำหนดค่าสกีมาเหตุการณ์ที่จะส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์

  • กำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บเพื่อส่งข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์การแท็กที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่ม Google Analytics เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีกำหนดค่า Google Analytics: แท็กการกำหนดค่า GA4

  • เพิ่มแท็ก "Google Analytics: เหตุการณ์ GA4" จากแกลเลอรีเทมเพลตไปยังพื้นที่ทำงานของคุณดังนี้

    • ตั้งค่า "ชื่อเหตุการณ์" สำหรับแท็ก คุณสามารถตั้งค่าเป็นค่าคงที่หรือกำหนดค่าให้อ่านจากตัวแปรได้ สำหรับเหตุการณ์มาตรฐานบางเหตุการณ์ เราจะแมปเหตุการณ์มาตรฐานของ Google Analytics กับเหตุการณ์ของ Meta ที่เทียบเท่า ซึ่งในกรณีของเหตุการณ์เหล่านี้ คุณสามารถใช้ชื่อเหตุการณ์ของ Google Analytics หรือชื่อเหตุการณ์ของ Meta ก็ได้ สำหรับเหตุการณ์มาตรฐานอื่นๆ ทั้งหมด ให้ใช้ชื่อเหตุการณ์ของ Meta ส่วนเหตุการณ์ที่กำหนดเองก็ให้ใช้ชื่อของเหตุการณ์ที่กำหนดเอง ทั้งนี้ โปรดเรียนรู้เพิ่มเติม เรียนรู้เพิ่มเติม
ชื่อเหตุการณ์มาตรฐานของ Metaชื่อเหตุการณ์ของ Google Analytics

AddPaymentInfo

add_payment_info

AddToCart

add_to_cart

AddToWishlist

add_to_wishlist

PageView

gtm.dom

PageView

page_view

Purchase

purchase

Search

search

InitiateCheckout

begin_checkout

Lead

generate_lead

ViewContent

view_item

CompleteRegistration

sign_up


  • ในส่วน "พารามิเตอร์เหตุการณ์" ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

    • หากคุณใช้พิกเซลของ Meta ให้เพิ่มพารามิเตอร์ ID เหตุการณ์ โดยใช้ event_id เป็นชื่อพารามิเตอร์ และใช้ตัวแปรที่สร้างขึ้นสำหรับ ID เหตุการณ์เป็นค่าพารามิเตอร์ ดูคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างตัวแปร ID เหตุการณ์ และการแก้ไขพิกเซลของ Meta ได้ที่ส่วน "การลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อน"
    • แมปพารามิเตอร์แต่ละรายการที่คุณต้องการกำหนดค่า ระบบจะอ่านชื่อตัวแปรจากเหตุการณ์โดยใช้สกีมาเหตุการณ์ทั่วไป ตัวอย่างเช่น หากต้องการตั้งค่าอีเมลเป็นพารามิเตอร์เหตุการณ์ คุณต้องกำหนดให้เป็น "ชื่อพารามิเตอร์: user_data.email_address" และกำหนด "ค่า" เป็นชื่อตัวแปรที่อ่าน email_address (ซึ่งกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ในส่วนที่ 1)
    • ดูรายการทั้งหมดได้ที่ส่วน "พารามิเตอร์ข้อมูลที่กำหนดเอง" ด้านล่าง

ขั้นตอนที่ 3: สร้างตัวรับสำหรับเหตุการณ์ที่ส่งข้อมูลเหตุการณ์ไปยัง Meta

คอนเทนเนอร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ใน GTM ทุกรายการมาพร้อมกับไคลเอ็นต์ GA4 เริ่มต้นสำหรับรับเหตุการณ์ที่กำหนดค่าจากแท็กเว็บ GA4 โดยไคลเอ็นต์ GA4 จะรับเส้นทาง /g/collect บน URL เซิร์ฟเวอร์การแท็กของคุณ และส่ง eventModel ไปยังแท็กดาวน์สตรีม หากไคลเอ็นต์ GA4 เริ่มต้นได้รับการติดตั้งในคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ในส่วน "ไคลเอ็นต์" แล้ว คุณสามารถไปที่ขั้นตอนที่ 4 ได้

ขั้นตอนที่ 4: สร้างแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta ซึ่งเป็นแท็กฝั่งเซิร์ฟเวอร์ที่แปลงรูปแบบเหตุการณ์มาตรฐานจากไคลเอ็นต์ GA4 ให้เป็นสกีมาเหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่น และส่งไปยัง graph.facebook.com

หากต้องการส่งเหตุการณ์ไปยัง API คอนเวอร์ชั่น คุณต้องติดตั้งแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta จากแกลเลอรีเทมเพลต ซึ่ง facebookincubator เรียกเทมเพลตแท็กนี้ว่าแท็ก API คอนเวอร์ชั่น โดยคุณสามารถตั้งค่าแท็กนี้ให้ทำงานเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไคลเอ็นต์ GA4 ได้รับ (ในขั้นตอนก่อนหน้านี้) และส่งไปยัง API คอนเวอร์ชั่นได้ หากต้องการติดตั้งแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta คุณจะต้องมี ID พิกเซล, โทเค็นการเข้าถึง และระบุแหล่งที่มาของการดำเนินการเป็น "เว็บไซต์" เมื่อคุณใช้ API คอนเวอร์ชั่น แสดงว่าคุณยอมรับว่าพารามิเตอร์ action_source นั้นถูกต้องตามขอบเขตความเข้าใจสูงสุดที่คุณมี

การทดสอบการผสานการทำงาน

เราขอแนะนำให้ใช้โหมดพรีวิวของ Google Tag Manager เพื่อทดสอบการผสานการทำงานก่อนเผยแพร่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้งคอนเทนเนอร์ของเว็บและคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ต่างก็มีโหมดพรีวิว และคุณสามารถเรียกใช้ทั้งสองคอนเทนเนอร์พร้อมกันได้

หากคุณเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขณะเรียกใช้โหมดพรีวิว อย่าลืมเริ่มโหมดพรีวิวใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการแสดงผลของเปลี่ยนแปลงนั้นในขณะทดสอบ

คุณสามารถตรวจสอบยืนยันว่ามีการรับเหตุการณ์บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณตามที่ต้องการโดยใช้ฟีเจอร์ "ทดสอบเหตุการณ์" ในตัวจัดการเหตุการณ์ หากต้องการใช้เครื่องมือดังกล่าว ให้ไปที่ตัวจัดการเหตุการณ์ > แหล่งข้อมูล > พิกเซลของคุณ > ทดสอบเหตุการณ์

เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์จะสร้าง ID ทดสอบ ให้ส่ง ID ทดสอบเป็นพารามิเตอร์ test_event_code ในแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของคุณเพื่อที่จะได้เริ่มเห็นกิจกรรมของเหตุการณ์ปรากฏขึ้นในหน้าต่าง "เหตุการณ์ทดสอบ" และอย่าลืมลบพารามิเตอร์นี้ออกก่อนที่จะเผยแพร่การเปลี่ยนแปลง

เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์ช่วยให้คุณสามารถดูได้ว่ามีการรับเหตุการณ์และลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนอย่างถูกต้องหรือไม่ หากคุณไม่เห็นเหตุการณ์ปรากฏขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองนาที ให้ตรวจสอบตัวแก้ไขจุดบกพร่องฝั่งเซิร์ฟเวอร์ GTM เพื่อให้แน่ใจว่าส่งคำขอสำเร็จ โดยมีวิธีดังนี้

  1. ในตัวแก้ไขจุดบกพร่องฝั่งเซิร์ฟเวอร์ เลือกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องที่คุณต้องการตรวจสอบในเมนูด้านซ้าย
  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแท็กของคุณแสดงอยู่ในส่วน "แท็กที่ส่ง" หากมีแท็กแสดงอยู่ คุณจะเห็นเป็น "แท็ก API คอนเวอร์ชั่น - สำเร็จ" หรือ "แท็ก API Conversion - ล้มเหลว"
    • แท็กที่ไม่ได้ส่ง: ตรวจสอบการกระตุ้นการทำงานของแท็ก API คอนเวอร์ชั่นและการกระตุ้นการทำงานของเหตุการณ์ GA4 ที่เกี่ยวข้องบนคอนเทนเนอร์ของเว็บ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ GA4 ได้ส่งข้อมูลในตัวแก้ไขจุดบกพร่องของเว็บแล้ว
    • แท็กที่ส่ง: สำเร็จ: คลิกแท็กและตรวจสอบว่าโค้ดเหตุการณ์ทดสอบถูกต้องหรือไม่ อัพเดตโค้ดเหตุการณ์ทดสอบหากจำเป็น แล้วเริ่มโหมดพรีวิวใหม่
    • แท็กที่ส่ง: ล้มเหลว: เปิดแท็บ "คำขอ" จากนั้นคลิก "คำขอขาออก" ที่ส่งไปยัง https://graph.facebook.com ตรวจสอบเนื้อหาการตอบกลับที่ด้านล่างของรายละเอียดคำขอเพื่อดูว่าข้อผิดพลาดคืออะไร จากนั้นอัพเดตการผสานการทำงานของคุณตามความเหมาะสม อย่าลืมเริ่มโหมดพรีวิวใหม่หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง

เมื่อมีเหตุการณ์แสดง ให้ตรวจสอบยืนยันว่าได้มีการส่ง ID เหตุการณ์สำหรับแต่ละเหตุการณ์อย่างถูกต้อง และมีการแสดงคีย์การจับคู่และพารามิเตอร์ข้อมูลที่กำหนดเองที่คาดไว้อย่างถูกต้องทั้งหมด เครื่องมือทดสอบเหตุการณ์ช่วยให้คุณสามารถดูได้ว่ามีการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนอย่างถูกต้องหรือไม่ หาก ID เหตุการณ์แตกต่างกัน ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการส่งแท็ก GA4 และแท็กพิกเซลของ Meta จากการกระตุ้นการทำงานเดียวกัน และตรวจสอบการใช้งานตัวแปร ID เหตุการณ์ของคุณ

การลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อน

เราขอแนะนำให้คุณใช้การตั้งค่าเหตุการณ์ซ้ำซ้อน และแชร์เหตุการณ์เดียวกันจากทั้ง API คอนเวอร์ชั่นและพิกเซลของ Meta ของคุณ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้ง 2 เหตุการณ์ใช้ event_name เดียวกัน และรวม event_id หรือทั้ง external_id และ fbp ไว้แล้ว

วิธีนี้จะช่วยให้ Meta สามารถลบเหตุการณ์ที่ซ้ำออก และลดการรายงานเหตุการณ์ที่เหมือนกัน 2 ครั้งได้ โปรดเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อน ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องดำเนินการ และวิธีตั้งค่าexternal_id และ fbp เป็นโซลูชั่นทางเลือกสำหรับการลบเหตุการณ์ซ้ำซ้อนและช่วยปรับปรุงคุณภาพของการตั้งค่าด้วย เราขอแนะนำให้ใส่พารามิเตอร์ทั้ง 3 รายการเหล่านี้ไว้หากเป็นไปได้

GTM มีหลายวิธีให้คุณใช้ในการตั้งค่าพารามิเตอร์ที่มีค่าเดียวกันบนแท็กเบราว์เซอร์และแท็กเซิร์ฟเวอร์ วิธีหนึ่งก็คือการใช้เหตุการณ์ GA4 เดียวกันเพื่อเป็นทริกเกอร์ในการส่งข้อมูลแท็กพิกเซลของ Meta และเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์ คุณสามารถดำเนินการนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ดังนี้

  • ใช้การกระตุ้นการทำงานเดียวกันสำหรับแท็ก HTML แบบกำหนดเองของพิกเซลของ Meta และแท็กเหตุการณ์ GA4 ตัวอย่างเช่น คุณสามารถระบุเงื่อนไขการกระตุ้นการทำงานตาม URL ของหน้ายืนยันคำสั่งซื้อ
  • ใช้ event_id เดียวกันในทั้ง 2 แท็ก
    1. ตั้งค่า ID จากไคลเอ็นต์ที่ไม่ซ้ำกัน: ตั้งค่าพารามิเตอร์แบบกำหนดเอง (x-fb-event_id) จากเหตุการณ์ gtag สร้าง ID ที่ไม่ซ้ำกัน (ต่อเหตุการณ์) บนเว็บไซต์โดยใช้เมธอด Javascript (หรือโดยใช้ตัวแปร Javascript แบบกำหนดเองของ Google Tag Manager) และกำหนดค่าในเหตุการณ์ตามนี้
    2. gtag('event', 'purchase', {
       'x-fb-event_id': generateEventId(),
      ...:...
      
       });
      คุณสามารถสร้างตัวแปรที่นำไปยัง Javascript แบบกำหนดเองที่แสดงไว้ด้านบนได้ เมื่อใดก็ตามที่มีการอ้างอิง var ระบบจะโหลด Javascript ด้านล่างเข้ามาในบรรทัด ดังนี้
      function() {
      var gtmData = window.google_tag_manager[{{Container ID}}].dataLayer.get('gtm');
      return gtmData.start + '.' + gtmData.uniqueEventId;
      }
    3. สร้างและกำหนดตัวแปรชั้นข้อมูล: คุณสามารถสร้างตัวแปรของคุณเองบนคอนเทนเนอร์ของเว็บเพื่ออ่านค่าจาก x-fb-event_id ได้ ซึ่งทำได้โดยสร้างตัวแปรชั้นข้อมูลใหม่ เช่น FBEventIdVar โดยใช้ชื่อตัวแปรชั้นข้อมูลเป็น eventModel.x-fb-event_id
    4. เมื่อตั้งค่าตัวแปรแล้ว คุณจะมีตัวแปรที่จะจับคู่กับเหตุการณ์เว็บในแท็ก HTML แบบกำหนดเอง และเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์เป็นพารามิเตอร์เหตุการณ์ GA4 เพิ่มเติม
    5. บนเว็บ คุณสามารถตั้งค่า Meta Tag ของคุณบนคอนเทนเนอร์ของเว็บใน Google Tag Manager ให้อ่าน event_id จากตัวแปรได้
    6. fbq('track', Purchase, {..}, {eventID: FBEventIDVar });
      กำหนดค่าเหตุการณ์ GA4 ให้ส่งพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่มีชื่อว่า x-fb-event_id ซึ่งตั้งค่าเป็นตัวแปร FBEventIdVar

พารามิเตอร์ข้อมูลที่กำหนดเอง

หากต้องการส่งข้อมูลที่กำหนดเอง ให้ใช้การแมปด้านล่างนี้ในแท็กเหตุการณ์ GA4 ของคุณ

ชื่อพารามิเตอร์ของ Metaชื่อพารามิเตอร์ของ GA4

value

value

currency

currency

search_string

search_term

order_id

transaction_id

content_ids

x-fb-cd-content_ids

content_type

x-fb-cd-content_type

content_name

x-fb-cd-content_name

content_category

x-fb-cd-content_category

contents*

items หรือ x-fb-cd-contents

num_items

x-fb-cd-num_items

predicted_ltv

x-fb-cd-predicted_ltv

status

x-fb-cd-status

delivery_category

x-fb-cd-delivery_category

custom_properties*

custom_properties

โปรดแปลงค่า x-fb-cd-contents และ custom_properties ให้เป็นสตริงแบบ JSON.stringify ก่อนส่ง เนื่องจากค่าเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์ JSON ที่กำหนดโดย Meta

ส่งข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ GCP ของคุณ

หลังจากกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของเว็บและเซิร์ฟเวอร์แล้ว คุณสามารถส่งเหตุการณ์ตัวอย่างจากเว็บไซต์ของคุณเพื่อตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์ได้ เหตุการณ์ตัวอย่างที่มีพารามิเตอร์ที่กำหนดค่าไว้อาจมีลักษณะเช่นนี้

 gtag('event', 'purchase', 
  {
    'event_id': generateEventId(),
    'transaction_id': 't_12345',
    'currency': 'USD',
    'value': 1.23,
    user_data: {
      email_address: '<HASHED_DATA>',
      phone_number: '<HASHED_DATA>',
      address: {
        first_name: '<HASHED_DATA>',
        last_name: '<HASHED_DATA>',
        city: '<HASHED DATA>',
        region: '<HASHED_DATA>',
        postal_code: '<HASHED_DATA>',
        country: '<HASHED_DATA>'     
      },    
    },
    items: [
      {
        item_id: '1',
        item_name: 'foo',
        quantity: 5,
        price: 123.45,
        item_category: 'bar',
        item_brand: 'baz'     
      }
    ], 
  });      
     

เมื่อมีการเรียกใช้เหตุการณ์แล้ว คุณจะเห็นคำขอที่ส่งไปยังลิงก์ตัวอย่าง เช่น www.analytics.example.com/g/collect พร้อมพารามิเตอร์ที่กำหนดค่าไว้ คุณสามารถเพิ่มโค้ดเหตุการณ์ทดสอบลงในแท็ก API คอนเวอร์ชั่นของ Meta เพื่อตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์ที่ส่งไปยัง API คอนเวอร์ชั่น ทั้งนี้ คุณควรใช้โค้ดเหตุการณ์ทดสอบสำหรับการทดสอบเท่านั้น โดยคุณต้องลบออกเมื่อส่งเพย์โหลดที่ใช้งานจริง

หลังจากที่คุณเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงแล้ว ให้ใช้หน้าตรวจสอบยืนยันการตั้งค่าของคุณที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่ามีการส่งกิจกรรมของคุณอย่างถูกต้อง โดยตรวจสอบ "การตั้งค่าการตรวจสอบยืนยัน - API คอนเวอร์ชั่น" ต่อไปนี้ และตรวจสอบว่าคุณภาพของการผสานการทำงานเป็นไปตามหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของเรา

คำถามที่พบบ่อย

มีแผนที่จะเพิ่มความสามารถในการส่งพารามิเตอร์แบบกำหนดเองหรือไม่ หากมี ความสามารถนี้จะใช้ได้เมื่อใด
คำตอบ: เราได้เพิ่มการแมปสำหรับพารามิเตอร์มาตรฐานแบบกำหนดเองส่วนใหญ่ของ API คอนเวอร์ชั่นที่มีการรองรับในสกีมาของ GTM แล้ว นอกจากนี้ เรายังมีการแมปแบบกำหนดเองด้วย โปรดดูเพิ่มเติมที่นี่

เซิร์ฟเวอร์หรือคลัสเตอร์เดียวสามารถเรียกใช้คอนเทนเนอร์หลายรายการได้หรือไม่
คำตอบ: ปัจจุบัน GTM รองรับการแมปแบบ 1:1 เท่านั้น โปรดอ่านคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีจัดระเบียบคอนเทนเนอร์

GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ต้องใช้แท็กบนเบราว์เซอร์เพื่อส่งเหตุการณ์ใช่หรือไม่
คำตอบ: ใช่

เราสามารถทำให้ GA4 ทำงานแยกส่วนกับการผสานการทำงานฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้หรือไม่
คำตอบ: หากต้องการให้ GA4 และการผสานการทำงาน GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ทำงานแยกส่วนกัน คุณสามารถสร้าง ID การวัดผลเพิ่มเติมได้ใน Google Analytics ให้สร้างแท็กการกำหนดค่า GA4 แยกเฉพาะสำหรับ GTM ฝั่งเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ ID การวัดผลนี้โดยทำตามขั้นที่อธิบายไว้ข้างต้น ในสถานการณ์เช่นนี้ แท็กการกำหนดค่า GA4 ที่มีอยู่ของคุณจะยังคงส่งข้อมูลจำนวนผู้เข้าชม GA ผ่านคอนเทนเนอร์ของเว็บต่อไป ในขณะที่แท็กการกำหนดค่าใหม่จะส่งข้อมูลไปยังคอนเทนเนอร์ของเซิร์ฟเวอร์ สร้างแท็กเหตุการณ์ GA4 เพิ่มเติมตามขั้นตอนที่ 2 เพื่อส่งเหตุการณ์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์โดยใช้แท็กการกำหนดค่าใหม่

การผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นสำหรับ GTM ทำงานร่วมกับโซลูชั่นที่โฮสต์ระบบคลาวด์อื่นนอกเหนือจาก GCP หรือไม่
คำตอบ: การผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นสำหรับ GTM ควรทำงานร่วมกับ GCP หรือแพลตฟอร์มใดๆ ที่คุณต้องการได้ โปรดอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมการด้วยตนเองที่นี่