การนำ API คอนเวอร์ชั่นไปใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบ

API คอนเวอร์ชั่นจะสนับสนุนการดำเนินการของผู้ลงโฆษณาในการมอบความโปร่งใสและการควบคุมข้อมูลที่เหมาะสมให้แก่ผู้บริโภค และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถมอบประสบการณ์ที่มีความเป็นส่วนตัวได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อใช้ API คุณจะสามารถแชร์ข้อมูลได้โดยตรงจากเซิร์ฟเวอร์ของคุณได้โดยไม่ต้องแชร์ผ่านเบราว์เซอร์

ประโยชน์ของการผสานการทำงาน

  • แสดงให้เห็นเหตุการณ์ในช่วงใกล้การตัดสินใจซื้อ: API คอนเวอร์ชั่นทำให้คุณสามารถแชร์อาร์เรย์ของข้อมูลที่กว้างยิ่งขึ้นได้เมื่อเทียบกับพิกเซลของ Facebook เมื่อใช้ API คุณจะสามารถตัดสินใจโดยพิจารณาจากข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อมูล CRM, เหตุการณ์ในช่วงใกล้การตัดสินใจซื้อ (เช่น ข้อมูลลูกค้าเป้าหมายที่ผ่านเกณฑ์) และเส้นทางการคอนเวอร์ชั่นแบบหลายไซต์บนเว็บไซต์และหน้าร้านได้

  • การควบคุมข้อมูล: API คอนเวอร์ชั่นจะให้การควบคุมเพิ่มเติมแก่ข้อมูลที่คุณแชร์เมื่อใช้ผ่านการใช้งานเฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น (ตัวอย่างเช่น ใช้โดยไม่มีพิกเซลของ Meta) คุณสามารถเลือกที่จะพ่วงข้อมูลเชิงลึกเข้ากับเหตุการณ์ของคุณซึ่งเป็นข้อมูลต่างๆ เช่น กำไรขั้นต้นของสินค้า หรือข้อมูลในอดีต เช่น คะแนนมูลค่าของลูกค้า

  • ความน่าเชื่อถือและความยืดหยุ่นปรับตัวของสัญญาณ: การแชร์ข้อมูลผ่าน API คอนเวอร์ชั่นน่าเชื่อถือกว่าวิธีแชร์ผ่านเบราว์เซอร์เพียงอย่างเดียว เช่น พิกเซลของ Meta API ออกแบบมาเพื่อลดแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาต่างๆ เช่น เบราว์เซอร์หยุดทำงานหรือปัญหาด้านการเชื่อมต่อ การจำกัดการส่งข้อมูลของอุตสาหกรรมใหม่อาจจำกัดประสิทธิภาพของคุกกี้และการติดตามพิกเซล ดังนั้น API คอนเวอร์ชั่นจึงสามารถช่วยให้คุณควบคุมการแชร์สัญญาณที่พิกเซลอาจไม่บันทึกอีกต่อไปได้

ภาพรวม

คุณสามารถแบ่งขั้นตอนการผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นออกเป็นสองขั้นตอนหลักๆ ได้ ดังนี้

ต่อไปนี้เป็นข้อมูลโดยคร่าวๆ ของกระบวนการการผสานการทำงานแบบสมบูรณ์

ข้อกำหนดการผสานการทำงานแบบสมบูรณ์การปรับให้เหมาะสม

เลือกเหตุการณ์ที่จะแชร์กับ Meta ซึ่งได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ (หากมี)


ตั้งค่าองค์ประกอบของธุรกิจของคุณ ได้แก่ พิกเซลของ Meta, แอพพลิเคชั่น Meta, ตัวจัดการธุรกิจ, การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์, ผู้ใช้ระบบ

ขั้นตอนที่ 1: เหตุการณ์เดียว - การส่งเหตุการณ์ใดๆ ไม่ว่าจะด้วยตนเองหรือแบบอัตโนมัติโดยใช้โทเค็นของผู้ใช้ระบบ หากดำเนินการขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น หมายความว่าคุณได้ตั้งค่าการยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องแล้ว


ขั้นตอนที่ 2: ผสานการทำงานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว - คุณจะต้องส่งเหตุการณ์อัตโนมัติบางรายการเพื่อให้อยู่ในสถานะผสานการทำงานแล้ว หากคุณดำเนินขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น คุณจะสามารถปรับให้เหมาะสมสำหรับ API คอนเวอร์ชั่นได้แม้ว่าคุณจะหยุดใช้พิกเซลหรือพิกเซลถูกบล็อก

เมื่อคุณผสานการทำงานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ให้ส่งเหตุการณ์ในขั้นตอนการซื้อแบบอัตโนมัติให้เพียงพอที่จะอยู่ในสถานะเริ่มทำงานอย่างเต็มรูปแบบ จากนั้น ให้ปรับอัตราการตรงกันของคุณให้เหมาะสมตามคำแนะนำจาก Event Match Quality


ตรวจสอบให้แน่ใจว่า:

  • สามารถส่งเหตุการณ์ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งได้ (เบราว์เซอร์หรือเซิร์ฟเวอร์) และเหตุการณ์ไม่ถูกนับซ้ำ
  • เหตุการณ์ถูกส่งในเวลาใกล้เคียงเรียลไทม์มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
  • ให้พารามิเตอร์ข้อมูลลูกค้าเพื่อใช้งานสำหรับการจับคู่ข้อมูลระบุตัวตน

ผู้ใช้พิกเซลที่มีอยู่

หากคุณมีการผสานการทำงานพิกเซลของ Meta อยู่แล้ว การผสานการทำงาน API คอนเวอร์ชั่นจะถูกสร้างขึ้นเป็นส่วนขยายของการผสานการทำงานพิกเซลดังกล่าวแทนที่จะเป็นการเชื่อมต่อที่แยกต่างหาก

การยินยอมทั่วไป

หากคุณมีตรรกะสำหรับควบคุมการยินยอมสำหรับการแชร์ข้อมูลพิกเซล ให้ใช้ตรรกะเดียวกันสำหรับการแชร์ข้อมูลผ่าน API คอนเวอร์ชั่น

ทางเลือกอื่นๆ

  • หากคุณต้องการปรับโฆษณาของคุณให้เหมาะสมสำหรับเหตุการณ์ในแอพ โปรดใช้ API เหตุการณ์ในแอพ

การเตรียมการ

เลือกประเภทของการผสานการทำงาน

เลือกตัวเลือกการผสานการทำงานที่คุณต้องการนำไปใช้เพื่อเริ่มต้น

การตั้งค่าคำอธิบายวิธี

การตั้งค่าซ้ำ (แนะนำ)

ส่งเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทั้งพิกเซลและ API คอนเวอร์ชั่น เราขอแนะนำการตั้งค่านี้สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บพิกเซลไว้บนเว็บไซต์ของตน และสามารถใช้งาน API คอนเวอร์ชั่นได้เต็มรูปแบบ


เพื่อดำเนินการให้สมบูรณ์ คุณจะต้องสามารถสร้าง event_id แบบถาวรสำหรับทั้งเหตุการณ์พิกเซลและ API คอนเวอร์ชั่นได้ ซึ่งหมายความว่าเป็นการส่ง event_name และ event_id เดียวกันบนทั้งเหตุการณ์พิกเซลและ API คอนเวอร์ชั่น เพื่อตัดเหตุการณ์ที่เหมือนกันออก


การตั้งค่านี้จะให้ประสิทธิภาพในระดับเดียวกันหรือดีกว่าการใช้เฉพาะพิกเซลบนเบราว์เซอร์ เซิร์ฟเวอร์จะสามารถจับเหตุการณ์ที่เบราว์เซอร์อาจไม่ได้ติดตาม เช่น การซื้อที่เกิดขึ้นบนคนละเว็บไซต์ คอนเวอร์ชั่นข้อมูลลูกค้า หรือการโทรศัพท์

การตั้งค่าแยก

ส่งเหตุการณ์ประเภทต่างๆ ผ่านพิกเซลและ API คอนเวอร์ชั่น ตัวอย่างเช่น คุณอาจส่ง PageView และ ViewContent ผ่านพิกเซล และ Lead หรือ Purchase ผ่าน API คอนเวอร์ชั่น


แม้ตัวเลือกนี้อาจมีประสิทธิภาพไม่สูงเท่าการตั้งค่าซ้ำ แต่คุณอาจใช้ตัวเลือกนี้ได้หากคุณไม่ต้องการการตั้งค่าซ้ำอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ โปรดคำนึงว่าคุณอาจต้องดำเนินการอื่นๆ เพิ่มเติมเมื่อใช้การเปลี่ยนแปลงเบราว์เซอร์

การใช้เฉพาะเซิร์ฟเวอร์

ส่งเหตุการณ์ผ่านเฉพาะ API คอนเวอร์ชั่นเท่านั้น แทนการส่งผ่านเบราว์เซอร์ เราแนะนำให้ใช้ทั้งการตั้งค่าซ้ำหรือการตั้งค่าแยกก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้

กำหนดเหตุการณ์ที่จะส่ง

เมื่อคุณได้เลือกวิธีการผสานการทำงานแล้ว คุณสามารถกำหนดได้ว่าต้องการจะส่งเหตุการณ์ใดบ้าง สัญญาณจะมีประโยชน์มากที่สุดเมื่อจับคู่กับ ID ผู้ใช้ Meta ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าจะส่งพารามิเตอร์ใดให้เราผ่านเหตุการณ์ และคุณต้องการส่งบ่อยเพียงใด

ตัวเลือกเหตุการณ์

ส่งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ดูรายการเหตุการณ์บน Meta แบบมาตรฐานและแบบกำหนดเองที่รองรับฉบับเต็ม

พารามิเตอร์เหตุการณ์

คุณสามารถส่งพารามิเตอร์หลายรายการในแต่ละเหตุการณ์ได้ ดูพารามิเตอร์ที่ API คอนเวอร์ชั่นใช้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องเหล่านั้น

คุณสามารถเพิ่ม ID ให้กับเหตุการณ์ของคุณได้หลายประเภท รวมถึง event_id, external_id และ order_id การเข้าใจความแตกต่างของพารามิเตอร์ต่อไปนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ

IDคำอธิบายวิธีใช้

ID ภายนอก

ID ที่ไม่ซ้ำกันของลูกค้าแต่ละราย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ID ภายนอก

ID เหตุการณ์

ID ที่ไม่ซ้ำกันของแต่ละเหตุการณ์

ใช้กับการลบเหตุการณ์ที่ซ้ำกัน ช่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากหากคุณส่งเหตุการณ์ผ่านทั้งพิกเซลบนเบราว์เซอร์และ API คอนเวอร์ชั่น

ID คำสั่งซื้อ

ID ที่ไม่ซ้ำกันของคำสั่งซื้อที่ได้รับ พารามิเตอร์นี้จะทำงานกับเหตุการณ์การซื้อเท่านั้น และต้องใช้ช่อง order_id ใน custom_data

การใช้งานนี้จำกัดให้เฉพาะพาร์ทเนอร์ของ Meta บางรายเท่านั้น โปรดติดต่อตัวแทน Meta ของคุณเพื่อขอรับสิทธิ์การเข้าใช้


ใช้กับการลบเหตุการณ์การซื้อที่ซ้ำกัน หากคุณส่งเหตุการณ์ผ่านทั้งพิกเซลบนเบราว์เซอร์และ API คอนเวอร์ชั่น


  • เมื่อคุณส่งคำสั่งซื้อแรกให้กับเรา เราจะลบคำสั่งซื้อที่สองออก หากเป็นไปตามสถานการณ์ต่อไปนี้
  • คุณส่งเหตุการณ์ที่สองที่มี order_id เดียวกันภายในช่วงเวลาเดียวกัน และเราจะวิเคราะห์ผลว่าผู้ใช้เดียวกันได้สร้างคำสั่งซื้อทั้งสองรายการเสร็จสิ้น

คุณสามารถลบเหตุการณ์การซื้อที่ซ้ำกันออกได้ภายในสองช่วงเวลา ได้แก่ 48 ชั่วโมง (แนะนำ) หรือ 28 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาระหว่างกรณีแรกและกรณีที่สองของเหตุการณ์เดียวกัน

ความใหม่ของข้อมูล

เราแนะนำให้คุณส่งเหตุการณ์แบบเรียลไทม์หรือส่งเป็นกลุ่มตามไทม์ไลน์เฉพาะผ่าน API คอนเวอร์ชั่น การส่งเหตุการณ์แบบเรียลไทม์หรือภายใน 1 ชั่วโมงจะช่วยการันตีว่าจะสามารถใช้เหตุการณ์เหล่านั้นสำหรับการระบุที่มาและสามารถปรับให้เหมาะสมกับการแสดงโฆษณาได้

การส่งเหตุการณ์หลังจากที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นนานกว่า 2 ชั่วโมงไปแล้วอาจทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาที่ปรับให้เหมาะสมกับเหตุการณ์เหล่านั้นลดลงได้ เหตุการณ์ที่ส่งล่าช้า 24 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นอาจประสบปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการระบุที่มาและการแสดงโฆษณาที่ปรับให้เหมาะสมได้

หากคุณจะส่งเหตุการณ์ที่มีช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นนาน ให้ส่งเหตุการณ์ให้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่คอนเวอร์ชั่นโดยรวมเสร็จสิ้นให้มากที่สุด

ไปยังขั้นตอนถัดไปเมื่อคุณมีรายการดังต่อไปนี้แล้ว

  • รายการเหตุการณ์ที่จะส่ง
  • ช่องที่คุณต้องการส่งไปกับแต่ละเหตุการณ์
  • กำหนดความถี่ของการส่งเหตุการณ์แล้ว

ประเภทของการปรับให้เหมาะสมที่มีให้ใช้งาน

API คอนเวอร์ชั่นจะมีประเภทการปรับให้เหมาะสมดังต่อไปนี้

ตัวเลือกการปรับให้เหมาะสมคำอธิบาย

การปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่น

ปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมเพื่อแสดงโฆษณาให้ผู้คนที่มีแนวโน้มจะสร้างคอนเวอร์ชั่นมากที่สุดได้เห็น

การปรับให้เหมาะสมกับมูลค่า (หรือ การปรับให้เหมาะสมกับผลตอบแทนค่าใช้จ่ายโฆษณา)

ปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมเพื่อแสดงโฆษณาให้ผู้คนที่มีแนวโน้มจะสร้างคอนเวอร์ชั่นในมูลค่าตามที่ต้องการมากที่สุดได้เห็น เช่น การซื้อมูลค่า 50 ดอลลาร์ขึ้นไป

โฆษณาสินค้าแบบไดนามิก

ปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมเพื่อแสดงโฆษณาให้ผู้คนที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้ารายการใดรายการหนึ่งมากที่สุดได้เห็น

การดำเนินการ

การนำการผสานการทำงานไปใช้ 2 มีวิธีดังต่อไปนี้

ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ API คอนเวอร์ชั่นผ่านหนึ่งในพาร์ทเนอร์ด้านการตลาดของเราต้องปฏิบัติตามแนวทางในการนำไปใช้ของพาร์ทเนอร์

การผสานการทำงานโดยตรง

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าข้อกำหนด

ก่อนที่จะใช้ API คอนเวอร์ชั่น ให้ตั้งค่าองค์ประกอบต่อไปนี้

องค์ประกอบคำอธิบาย

พิกเซลของ Meta

เมื่อคุณส่งเหตุการณ์ผ่าน API คอนเวอร์ชั่น เหตุการณ์เหล่านั้นจะถูกประมวลผลและจัดเก็บด้วยวิธีเดียวกับเหตุการณ์ที่คุณส่งผ่านพิกเซลของคุณ เมื่อคุณใช้ API คอนเวอร์ชั่น คุณจะต้องเลือกพิกเซลที่คุณต้องการจะส่งเหตุการณ์ของคุณไป


การส่งเหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่นของคุณไปยังพิกเซลจะทำให้คุณใช้เหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่นในวิธีเดียวกับที่ใช้เหตุการณ์พิกเซลบนเบราว์เซอร์สำหรับการวัดผล การระบุที่มา และการปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมได้ เราขอแนะนำให้ส่งเหตุการณ์จากเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์ของคุณไปยัง ID พิกเซลของ Meta เดียวกัน

ตัวจัดการธุรกิจ

คุณจะต้องมีตัวจัดการธุรกิจเพื่อใช้ API ตัวจัดการธุรกิจช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถผสานการทำงานด้านการตลาดทั่วทั้งธุรกิจของตนบน Meta กับพาร์ทเนอร์ภายนอกได้ หากคุณไม่มีตัวจัดการธุรกิจ ให้ดูบทความในศูนย์ช่วยเหลือเกี่ยวกับวิธีสร้างตัวจัดการธุรกิจ

โทเค็นการเข้าถึง

ในการใช้ API คอนเวอร์ชั่น คุณจะต้องมีโทเค็นการเข้าถึง คุณสามารถรับโทเค็นการเข้าถึงได้ 2 วิธี ได้แก่

ไปที่ใช้งาน API เมื่อคุณมีองค์ประกอบพร้อมแล้ว อย่าลืมบันทึก ID สำหรับองค์ประกอบของคุณ เนื่องจากคุณจะต้องใช้ ID เหล่านั้นเมื่อเรียกใช้ API

ขั้นตอนที่ 2: ใช้งาน API

เมื่อคุณดำเนินการตามข้อกำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มกระบวนการการใช้งาน โปรดอ่านเอกสารประกอบสำหรับผู้พัฒนาอยู่เสมอขณะที่คุณสร้าง API คอนเวอร์ชั่น

การเรียกใช้การทดสอบ (ระบุหรือไม่ก็ได้)

หากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณใช้ API ให้เริ่มด้วยการเรียกใช้การทดสอบ คุณจะต้องมีเพย์โหลดและวิธีเรียกใช้ API เพื่อดำเนินการดังกล่าว หลังจากเรียกใช้เรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบตัวจัดการเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบยืนยันว่าการเรียกใช้ทำงานได้ตามที่คาดหวัง

เพย์โหลดวิธีการเรียกใช้ API

ใช้ตัวช่วยเพย์โหลดเพื่อสร้างเพย์โหลดตัวอย่างเพื่อส่งไปกับการเรียกใช้ของคุณ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในเครื่องมือ เพย์โหลดของคุณควรมีลักษณะดังนี้

{
  "data": [
   {
    "event_name": "Purchase",
    "event_time": 1601673450,
    "user_data": {
      "em": "7b17fb0bd173f625b58636fb796407c22b3d16fc78302d79f0fd30c2fc2fc068",
      "ph": null
     },
    "custom_data": {
      "currency": "USD",
      "value": "142.52"
    }
   }
  ]
}

หากคุณต้องการทดสอบเพย์โหลดของคุณจากตัวช่วยเพย์โหลด ให้เพิ่ม ID พิกเซลด้านล่าง "ทดสอบเพย์โหลดนี้" แล้วคลิกที่ "ส่งไปยังการทดสอบเหตุการณ์" คุณจะเห็นเหตุการณ์บน "ตัวจัดการเหตุการณ์" > "พิกเซลของคุณ" > "ทดสอบเหตุการณ์" เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือการทดสอบเหตุการณ์

เมื่อคุณพึงพอใจกับเพย์โหลดของคุณแล้ว ให้เลือกวิธีการเรียกใช้ของคุณ คุณจะใช้ Graph API Explorer ของเรา (ดูที่คู่มือ) หรือเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองก็ได้ หากคุณกำลังใช้งานเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง คุณสามารถใช้ CURL หรือ Meta Business SDK ได้ โดยเราขอแนะนำให้ใช้ Meta Business SDK เป็นอย่างยิ่ง


ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะทำการเรียกใช้ด้วยวิธีใด คุณควรเรียกใช้ตำแหน่งข้อมูล /{pixel_id}/events และแนบข้อมูล JSON ที่ตัวช่วยเพย์โหลดสร้างขึ้น เมื่อคุณเรียกใช้แล้ว การตอบกลับควรมีลักษณะดังนี้

{
  "events_received": 1,
  "messages": [],
  "fbtrace_id": <FB-TRACE-ID>
}

หลังจากที่คุณเรียกใช้ครั้งแรกเสร็จสิ้น ให้ตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์บน "ตัวจัดการเหตุการณ์" > "พิกเซลของคุณ" > "ภาพรวม"

ไปยังการส่งและตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์เมื่อคุณตรวจสอบเหตุการณ์การทดสอบในตัวจัดการเหตุการณ์แล้ว

ส่งและตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์

สร้างคำขอ POST ไปยังจุดเชื่อมโยง /events ของ API เพื่อเริ่มส่งเหตุการณ์ แนบเพย์โหลดไปกับการเรียกใช้ของคุณ และหากคุณต้องการความช่วยเหลือในการสร้างเพย์โหลด ให้ไปที่ตัวช่วยเพย์โหลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมและตัวอย่างโค้ดได้ที่แหล่งข้อมูลต่อไปนี้

หลังจากที่คุณส่งเหตุการณ์แล้ว ให้ไปที่ตัวจัดการเหตุการณ์และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้รับเหตุการณ์ที่คุณส่งแล้ว เรียนรู้วิธีตรวจสอบยืนยันเหตุการณ์ของคุณ

หากการใช้งานของคุณเป็นส่วนเสริมของพิกเซลบนเบราว์เซอร์ ให้ไปที่การตั้งค่าการลบข้อมูลซ้ำ แต่หากไม่ใช่ คุณได้ตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว! หากคุณยังมีข้อสงสัยอยู่ ให้ดูที่ความช่วยเหลือ

ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อการลบข้อมูลซ้ำ

หากคุณกำลังส่งเหตุการณ์ที่เหมือนกันจากพิกเซลและผ่าน API คอนเวอร์ชั่น คุณจะต้องตั้งค่าการลบเหตุการณ์ที่ซ้ำกันสำหรับเหตุการณ์ที่ส่งผ่านทั้งสองช่องทางของคุณ ก่อนอื่น ให้อ่านเอกสารประกอบสำหรับผู้พัฒนาเพื่อทำความเข้าใจตรรกะการลบข้อมูลซ้ำ

การลบข้อมูลซ้ำตามเหตุการณ์

หากเราพบการรวมคีย์ของเซิร์ฟเวอร์ (event_id, event_name) และการรวมคีย์ของเบราว์เซอร์ (eventID, event) ที่เหมือนกันส่งไปยัง ID พิกเซล เดียวกันภายใน 48 ชั่วโมง เราจะลบเหตุการณ์ซ้ำที่ส่งมาภายหลัง

วิธีตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ลบเหตุการณ์ที่ซ้ำกันแล้ว

  • สำหรับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบว่ากำหนดค่าของพารามิเตอร์ต่อไปนี้เหมือนกันแล้ว
    • event_id จากเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์ของคุณ และ eventID จากเหตุการณ์เบราว์เซอร์ของคุณ
    • event_name จากเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์และเบราว์เซอร์ของคุณ
  • หลังจากที่คุณส่งเหตุการณ์ที่ซ้ำกันแล้ว ให้ดูในตัวจัดการเหตุการณ์เพื่อดูว่าได้ลบเหตุการณ์ที่ถูกต้องหรือไม่
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่ไม่ซ้ำกันแต่ละรายการที่ถูกส่งผ่านทั้งพิกเซลและ API คอนเวอร์ชั่นมี event_id ของตนเอง ID นี้ไม่ควรใช้ร่วมกับเหตุการณ์อื่น

ทางเลือกอื่นในการลบข้อมูลซ้ำตามเหตุการณ์

แม้ว่าการใช้ ID เหตุการณ์จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลบเหตุการณ์ซ้ำ แต่วิธีนี้ค่อนข้างซับซ้อน คุณสามารถใช้โซลูชั่นทางเลือกอื่นๆ โดยใช้ external_id หรือพารามิเตอร์ fbp ได้ หากคุณได้กำหนดค่า external_id หรือพารามิเตอร์ fbp ให้ผ่านทั้งทางและเซิร์ฟเวอร์ เราจะลบเหตุการณ์ซ้ำโดยอัตโนมัติหากเราเห็นเหตุการณ์เดียวกันที่มี external_id หรือพารามิเตอร์ fbp เดียวกันภายใน 48 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 4 (ไม่บังคับ): สำรวจฟีเจอร์ต่างๆ ของ Business SDK

Meta Business SDK มีฟีเจอร์ขั้นสูงที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ API คอนเวอร์ชั่นโดยเฉพาะ ได้แก่

  • คำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์ — ใช้ฟีเจอร์นี้หากคุณไม่ต้องการบล็อกการดำเนินการของโปรแกรมของคุณเพื่อรอให้คำขอเสร็จสิ้น เมื่อใช้วิธีนี้ คุณจะสามารถสร้างคำขอและรับสัญญาณตอบกลับจากเซิร์ฟเวอร์เมื่อคำขอเสร็จสิ้นได้ ในขณะที่คุณรอการตอบกลับ โปรแกรมจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
  • การจัดกลุ่มในเวลาเดียวกัน —ใช้คำขอแบบไม่ซิงโครไนซ์เพื่อเพิ่มปริมาณงานโดยใช้แหล่งข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างคำขอแบบกลุ่มเพื่อสนับสนุนกรณีใช้งานต่างๆ เช่น event request workers, cron jobs และอื่นๆ
  • อินเทอร์เฟซบริการ HTTP — แทนที่บริการ HTTP เริ่มต้นของ SDK ธุรกิจและใช้บริการที่กำหนดเองของคุณด้วยวิธีการหรือไลบรารีที่คุณต้องการ

การผสานการทำงานเป็นแพลตฟอร์ม

ขั้นตอนต่อไปนี้มีไว้สำหรับพาร์ทเนอร์ที่เสนอ API คอนเวอร์ชั่นเป็นบริการให้กับผู้ลงโฆษณา

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าข้อกำหนด

แอพของคุณควรมีฟีเจอร์และสิทธิ์ดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 2: ส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้า

ขั้นแรก ทำตามขั้นตอนการผสานการทำงานโดยตรงและทดสอบการผสานการทำงานของคุณ จากนั้น คุณจะสามารถส่งคำขอการอนุญาตเพื่อส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าของคุณได้ โดยคุณมีตัวเลือกการยืนยันตัวตนดังต่อไปนี้

วิธีแบบใช้ส่วนขยาย Meta Business (แนะนำ)

ส่วนขยาย Meta Business จะส่งคืนข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดกลับมา ซึ่งต้องใช้ในการส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าผ่านกระบวนการต่อไปนี้ ส่วนขยาย Meta Business มาพร้อมตำแหน่งข้อมูลในการเรียกดูโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบที่สร้างในตัวจัดการธุรกิจของลูกค้า กระบวนการนี้จะมีสิทธิ์การอนุญาตเพื่อส่งเหตุการณ์ของเซิร์ฟเวอร์และจะดำเนินการโดยอัตโนมัติอย่างปลอดภัย

ตำแหน่งข้อมูลดังกล่าวจะต้องใช้โทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้เป็นพารามิเตอร์อินพุต สำหรับผู้ใช้ส่วนขยาย Meta Business รายใหม่ ให้เรียกใช้ตำแหน่งข้อมูลนี้เพื่อดึงโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบหลังจากตั้งค่าส่วนขยาย Meta Business เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนผู้ใช้ปัจจุบันจะต้องขอยืนยันตัวตนใหม่ก่อนเรียกใช้ตำแหน่งข้อมูล API ใหม่

ในขณะนี้ ส่วนขยาย Facebook Business (เวอร์ชั่น 2) มีให้บริการสำหรับพาร์ทเนอร์ที่ได้รับอนุมัติแล้วเท่านั้น หากคุณสนใจที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ โปรดติดต่อตัวแทนของ Facebook เพื่อขอรับสิทธิ์ใช้งาน โดย FBE จะต้องมีความสามารถ manage_business_extension

หากคุณไม่มีตัวแทน โปรดกรอกแบบฟอร์มนี้หากคุณเป็นพาร์ทเนอร์อีคอมเมิร์ซ

โทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบของลูกค้า

ให้ลูกค้าของคุณสร้างโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบด้วยตนเองผ่าน API คอนเวอร์ชั่นภายในการตั้งค่าพิกเซล จากนั้นส่งเหตุการณ์ไปยังพิกเซลของผู้ลงโฆษณาด้วยโทเค็นดังกล่าว

ผู้ใช้ระบบหรือผู้ใช้ระบบที่เป็นผู้ดูแลจะต้องติดตั้งแอพที่จะใช้เพื่อสร้างโทเค็นการเข้าถึง การตั้งค่าเช่นนี้จะทำให้แอพของคุณได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ API ในนามของผู้ใช้ระบบหรือผู้ใช้ระบบที่เป็นผู้ดูแลรายนี้

ลูกค้าแชร์พิกเซลไปยังตัวจัดการธุรกิจของพาร์ทเนอร์

ด้วยตัวเลือกนี้ ลูกค้าจะแชร์พิกเซลของตนไปยังพาร์ทเนอร์ผ่านการตั้งค่าตัวจัดการธุรกิจหรือผ่าน API จากนั้น คุณจะสามารถมอบหมายให้ผู้ใช้ระบบของพาร์ทเนอร์จัดการพิกเซลของลูกค้า และสามารถสร้างโทเค็นการเข้าถึงเพื่อส่งเหตุการณ์ในเซิร์ฟเวอร์ได้

ขั้นตอนที่ 3: ระบุที่มาเหตุการณ์เป็นแพลตฟอร์มของคุณ

ใช้ช่อง partner_agent เพื่อระบุที่มาเหตุการณ์ API คอนเวอร์ชั่นเป็นแพลตฟอร์มของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถตั้งค่าตัวระบุแพลตฟอร์มของตนเองเมื่อส่งเหตุการณ์ในนามของลูกค้าได้ หากคุณเป็นพาร์ทเนอร์ภายใต้สัญญา ให้ทำงานร่วมกับตัวแทน Meta เพื่อยอมรับการใช้ตัวระบุสำหรับแพลตฟอร์มของคุณ ค่านี้ควรอยู่ในรูปแบบที่ยาวไม่เกิน 23 อักขระและมีอักขระที่เป็นตัวอักษรอย่างน้อย 2 ตัว จากนั้นให้ส่งค่านี้ไปพร้อมๆ กับเหตุการณ์เซิร์ฟเวอร์แต่ละรายการ

หมั่นให้แนวทางการตั้งค่าที่อัพเดตเป็นปัจจุบันกับผู้ลงโฆษณาที่ต้องการเปิดใช้งานการผสานการทำงานบนแพลตฟอร์มของคุณเป็นประจำ

การสนับสนุน

สำหรับพาร์ทเนอร์ทั้งหมด

ดูข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขจุดบกพร่องและบทความของศูนย์ช่วยเหลือทางธุรกิจต่างๆ

สำหรับพาร์ทเนอร์ภายใต้สัญญา

ให้ข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ID ตัวจัดการธุรกิจ, ID แอพ และ ID พิกเซลกับตัวแทน Meta ของคุณ เพื่อให้ตัวแทนสามารถช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับการทดสอบการผสานการทำงานและการแก้ไขปัญหาได้