โฆษณาร่วมเป็นโซลูชั่นที่สร้างเสริมจากโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ โฆษณาร่วมช่วยให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์ทำงานร่วมกับผู้ค้าปลีกหรือพาร์ทเนอร์ทางการตลาดได้อย่างปลอดภัย และบรรลุเป้าหมายการโฆษณา เช่น กำหนดเป้าหมายยอดขายของสินค้าโดยใช้เนื้อหาที่ผู้ค้าปลีกมอบให้
ผู้ค้าปลีกหรือพาร์ทเนอร์ทางการตลาดควรแชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์โดยนำเสนอสินค้าที่ต้องการใช้ทั้งหมด กลุ่มสินค้านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแค็ตตาล็อกหรืออาจเป็นชุดสินค้าชุดใหญ่ก็ได้ จากนั้น ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะยอมรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกกลุ่มนี้ แล้วเริ่มเผยแพร่โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ โดยใช้กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกกลุ่มนี้ ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะไม่สามารถแก้ไขกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้ แต่จะสร้างชุดสินค้าของตนเองจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวได้
โดยหลักการแล้ว ผู้ลงโฆษณาจะเรียกใช้แคมเปญโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ เพื่อเพิ่มยอดขายจากแค็ตตาล็อกให้กับแค็ตตาล็อกสินค้า ดังนั้นผู้ลงโฆษณาจึงสามารถใช้รายงานผลโฆษณา Facebook แบบมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้แสดงเกณฑ์ชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกแล้ว
นอกจากนี้คุณยังใช้การรายงานระดับสินค้าและการรายงานระดับผู้ค้าปลีกเพื่อแสดงให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์รับทราบเฉพาะการซื้อของแบรนด์ได้ด้วย
สำหรับผู้ค้าปลีกและพาร์ทเนอร์ทางการตลาด:
ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management
และ catalog_management
ขณะนี้ระบบยังไม่รองรับการดำเนินการนี้ผ่าน API จึงต้องดำเนินการผ่าน UI ในการเริ่มต้นกระบวนการนี้ ให้คลิกที่ "เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ผู้ค้าปลีก" ในไดเรกทอรีผู้ค้าปลีกที่เผยแพร่โฆษณาร่วม
ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management
และ catalog_management
สร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกจากหนึ่งในแค็ตตาล็อกที่คุณมีอยู่ กลุ่มสินค้าดังกล่าวจะต้องมีสินค้าทุกรายการที่คุณต้องการแชร์กับแบรนด์พาร์ทเนอร์
ในการสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกผ่าน API ให้ส่งคำขอ POST
ไปยังจุดเชื่อมโยง owned_product_catalogs
โดยในการสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก จะต้องระบุฟิลด์ต่อไปนี้
parent_catalog_id
: แค็ตตาล็อกหลักที่จะใช้สร้างกลุ่มสินค้าของคุณ แค็ตตาล็อกนี้จะต้องเป็นไปตามกฎข้อบังคับของโฆษณาร่วม คุณสามารถดูสถานะแค็ตตาล็อกของคุณได้ในตัวจัดการการค้าcatalog_segment_filter
: กฎที่มีการเข้ารหัส JSON ใช้สำหรับสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management
และ catalog_management
แชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของคุณให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ หากต้องการดำเนินการผ่าน API ให้ส่งคำขอ POST
ไปยัง /{catalog_segment_id}/agencies
ในคำสั่ง คุณสามารถเพิ่มฟิลด์ต่อไปนี้ได้
ช่อง | คำอธิบาย |
---|---|
ประเภท: สตริงตัวเลขหรือจำนวนเต็ม | จำเป็นต้องระบุ ID ของธุรกิจที่จะคุณแชร์แค็ตตาล็อกนี้ให้ |
ประเภท: อาร์เรย์ < enum {MANAGE, ADVERTISE} > | จำเป็นต้องระบุ งานที่จะอนุญาตให้ธุรกิจสามารถทำได้ ตัวเลือกที่พร้อมใช้งาน ได้แก่ |
ประเภท: อ็อบเจ็กต์ JSON {enum{campaign_source,campaign_medium,campaign_name}: string} | ระบุหรือไม่ก็ได้ คุณสามารถระบุ ตัวอย่างเช่น |
ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management
ส่วนคำสั่ง API จะต้องมีโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ และผู้ใช้คนดังกล่าวจะต้องมีสิทธิ์การอนุญาตในการดำเนินการกับพาร์ทเนอร์ ธุรกิจ หรือคำขอร่วมงานที่ได้รับการแนะนำ
ในฐานะพาร์ทเนอร์ทางการตลาด คุณควรจัดหาช่องทางให้แบรนด์ต่างๆ ได้ค้นพบพาร์ทเนอร์โฆษณาร่วมที่อาจได้ร่วมงานกัน คุณสามารถใช้ตำแหน่งข้อมูลต่อไปเพื่อค้นหาผู้ค้าปลีกมาร่วมงานกันได้
GET {business-id}?fields=collaborative_ads_suggested_partners
— ค้นหาพาร์ทเนอร์สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงGET collaborative_ads_directory?fields=collaborative_ads_merchants
— เรียกดูรายชื่อผู้ค้าปลีกที่เผยแพร่โฆษณาร่วมทุกรายหากแบรนด์ค้นพบพาร์ทเนอร์แล้ว คุณสามารถติดต่อไปยังผู้ค้าปลีกเพื่อขอร่วมงานด้วยได้ วิธีการดำเนินการก็คือ ส่งคำขอ POST
ต่อไปนี้ไปยัง /{cpas-collaboration-request-id}
{business-id}/collaborative_ads_collaboration_requests? brands=”[“[BRAND NAME]”, “[BRAND NAME 2]”]”& contact_email=[CONTACT_EMAIL]& contact_first_name=[CONTACT_FIRST_NAME]& contact_last_name=[CONTACT_LAST_NAME]& phone_number=[PHONE NUMBER]& receiver_business=[RECEIVING BUSINESS ID] requester_agency_or_brand=[REQUESTING ENTITY - AGENCY, BRAND or MERCHANT]
ติดตามการเชิญชวนของคุณด้วยตำแหน่งข้อมูลดังต่อไปนี้
หากแบรนด์ของคุณยังไม่ยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการของธุรกิจใหม่ที่มีการแชร์กลุ่มสินค้า คุณต้องดำเนินการยอมรับให้เสร็จสิ้น
เมื่อได้รับองค์ประกอบที่ใช้ร่วมกันแล้ว ผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลของธุรกิจต้องดำเนินการดังนี้
หลังจากยอมรับข้อกำหนดแล้ว แบรนด์ของคุณจะสามารถเพิ่มผู้คนเข้าไปยังกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้โดยใช้ตำแหน่งข้อมูล /{product-catalog-id}/assigned_users
หมายเหตุ: การดำเนินการนี้ต้องใช้สิทธิ์การอนุญาต business_management
ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management
และ ads_management
แบรนด์ของคุณสามารถใช้กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกที่ยอมรับมาเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาได้ คุณควรใช้บัญชีโฆษณาแยกกันสำหรับผู้ค้าปลีกแต่ละรายที่คุณจะเผยแพร่โฆษณาร่วมให้ เมื่อเชื่อมต่อบัญชีโฆษณากับผู้ค้าปลีกแล้ว บัญชีดังกล่าวจะสามารถเลือกกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของผู้ค้าปลีกรายดังกล่าวได้เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างและเผยแพร่โฆษณาตามปกติเหมือนที่คุณทำกับแค็ตตาล็อกสินค้าของคุณเอง คุณควรระบุ catalog_segment_ID
แทนที่จะเป็น ID แค็ตตาล็อก ดังภาพ
curl \ -F 'name=Product Catalog Sales Campaign' \ -F 'objective=PRODUCT_CATALOG_SALES' \ -F 'promoted_object={"product_catalog_id":"<CATALOG_SEGMENT_ID>"}' \ -F 'status=PAUSED' \ -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \ https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/campaigns
หากสำเร็จ คุณจะได้รับ ID แคมเปญโฆษณาใหม่ ดังภาพ
{ "id": "<CAMPAIGN_ID>" }
โดยปกติแล้ว จะมีฟิลด์ที่คุณสามารถตั้งค่าในโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ได้ แต่ไม่สามารถตั้งค่าในกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้อยู่ 4 ฟิลด์ ดังนี้
multi_share_end_card
มีค่าเริ่มต้นเป็น false
และคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้description
ใน template_data
ได้template_url_spec
ซึ่ง คุณสามารถใช้เป็น URL ลิงก์ตรง จะต้องชี้ไปยังเว็บไซต์ของผู้ค้าเมื่อเผยแพร่โฆษณาแล้ว ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะดูเกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาได้ เรามีเกณฑ์ชี้วัดข้อมูลเชิงลึกใหม่หลากหลายรายการในหลายระดับอ็อบเจ็กต์โฆษณา โปรดดู catalog_segment_value
และเกณฑ์ชี้วัดที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการต่อไปนี้
catalog_segment_value
แสดงข้อมูลแยกย่อยของเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่น ซึ่งรวมถึงการซื้อ การหยิบใส่รถเข็น และการดูสินค้าสำหรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกในแต่ละระดับของอ็อบเจ็กต์โฆษณา เกณฑ์ชี้วัดนี้จะรวมเหตุการณ์จากเว็บไซต์ มือถือ และแหล่งที่มาแบบหลายช่องทาง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดข้อมูลเชิงลึกแบบค่าประมาณและที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
ในขั้นตอนนี้ แบรนด์ควรแก้ไขปัญหาและจุดบกพร่องใดๆ ในการเผยแพร่โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ สำหรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของตนเอง
โปรดดูเครื่องมือแก้ไขจุดบกพร่องสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+
เกณฑ์ชี้วัดแบบค่าประมาณต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับโฆษณาร่วม โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดแบบค่าประมาณ เกณฑ์ชี้วัดที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และเกณฑ์ชี้วัดของบุคคลที่สาม
หากต้องการเรียกข้อมูลจากเกณฑ์ชี้วัดสำหรับการรายงานของเรา โปรดดำเนินการดังนี้
อ็อบเจ็กต์ต่างๆ ที่คุณสามารถเรียกดูข้อมูลได้ ได้แก่ บัญชีโฆษณา, แคมเปญโฆษณา, ชุดโฆษณา และโฆษณา
ระบบไม่รองรับข้อมูลแยกย่อย action_converted_product_id
ในระดับบัญชีโฆษณา
Metric | Description |
---|---|
| Value from conversion events, including a breakdown of purchases, add-to-carts and view products for the catalog segment at each ad object level. |
| Total return on ad spend (ROAS) from purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailer' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads. |
| Total return on ad spend (ROAS) from website purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailers' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads. |
| The total return on ad spend (ROAS) from mobile app purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailers' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads. |
| Similar to |
| Value of conversions driven by your ads for a given product ID. This number is recorded by your Retailer partner's Pixel or App SDK. The API only returns Product IDs —see |
| Quantity of conversions driven by your ads for a given product ID. This number is recorded by your Retailer partner's Pixel or App SDK. The API only returns Product IDs —see |
ข้อมูลแยกย่อยใช้สำหรับจัดกลุ่มผลลัพธ์จากข้อมูลเชิงลึกของคุณให้เป็นชุดๆ โปรดดูข้อมูลแยกย่อย คุณสามารถใช้ข้อมูลแยกย่อยต่อไปนี้กับเกณฑ์ชี้วัดโฆษณาร่วมได้
วันที่: รับข้อมูลเชิงลึกสำหรับช่วงวันที่ที่เฉพาะเจาะจง หากต้องการใช้ข้อมูลแยกย่อยนี้ ให้เพิ่ม time_range
ลงในคำสั่ง ตัวอย่างเช่น &time_range[since]=2020-03-01&time_range[until]=2020-04-01
ระดับสินค้า: รับข้อมูลเชิงลึกสำหรับสินค้าที่เฉพาะเจาะจง ใช้ข้อมูลแยกย่อยนี้กับ converted_product_value
และ converted_product_quantity metrics
ด้วยการเพิ่ม &action_breakdowns=action_converted_product_id
ลงในคำสั่ง
ใช้ข้อมูลแยกย่อยที่มีการรวมต่อไปนี้กับโฆษณาร่วม
ระบบไม่รองรับข้อมูลแยกย่อย action_converted_product_id
ในระดับบัญชีโฆษณา
action_converted_product_id
action_type
, action_converted_product_id