โฆษณาร่วม

โฆษณาร่วมเป็นโซลูชั่นที่สร้างเสริมจากโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ โฆษณาร่วมช่วยให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์ทำงานร่วมกับผู้ค้าปลีกหรือพาร์ทเนอร์ทางการตลาดได้อย่างปลอดภัย และบรรลุเป้าหมายการโฆษณา เช่น กำหนดเป้าหมายยอดขายของสินค้าโดยใช้เนื้อหาที่ผู้ค้าปลีกมอบให้

ผู้ค้าปลีกหรือพาร์ทเนอร์ทางการตลาดควรแชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์โดยนำเสนอสินค้าที่ต้องการใช้ทั้งหมด กลุ่มสินค้านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแค็ตตาล็อกหรืออาจเป็นชุดสินค้าชุดใหญ่ก็ได้ จากนั้น ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะยอมรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกกลุ่มนี้ แล้วเริ่มเผยแพร่โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ โดยใช้กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกกลุ่มนี้ ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะไม่สามารถแก้ไขกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้ แต่จะสร้างชุดสินค้าของตนเองจากกลุ่มสินค้าดังกล่าวได้

โดยหลักการแล้ว ผู้ลงโฆษณาจะเรียกใช้แคมเปญโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ เพื่อเพิ่มยอดขายจากแค็ตตาล็อกให้กับแค็ตตาล็อกสินค้า ดังนั้นผู้ลงโฆษณาจึงสามารถใช้รายงานผลโฆษณา Facebook แบบมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้แสดงเกณฑ์ชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกแล้ว

นอกจากนี้คุณยังใช้การรายงานระดับสินค้าและการรายงานระดับผู้ค้าปลีกเพื่อแสดงให้ผู้ลงโฆษณาแบรนด์รับทราบเฉพาะการซื้อของแบรนด์ได้ด้วย

ขั้นตอนโดยสังเขป

สำหรับผู้ค้าปลีกและพาร์ทเนอร์ทางการตลาด:

  • ขั้นตอนที่ 1: เริ่มต้นใช้งานโฆษณาร่วม
  • ขั้นตอนที่ 2: สร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก โดยภายในกลุ่มสินค้าจะต้องมีสินค้าของแบรนด์พาร์ทเนอร์เป้าหมายอยู่ด้วย
  • ขั้นตอนที่ 3: แชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกกับแบรนด์พาร์ทเนอร์
  • (สำหรับพาร์ทเนอร์ทางการตลาดเท่านั้น) ขั้นตอนที่ 4: มอบเครื่องมือการค้นพบสำหรับแบรนด์

สำหรับแบรนด์:

  • ขั้นตอนที่ 1: ยอมรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก
  • ขั้นตอนที่ 2: สร้างแคมเปญโฆษณาด้วยกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก
  • ขั้นตอนที่ 3: ดูรายงาน ดูรายงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าในกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก
  • ขั้นตอนที่ 4 (ไม่บังคับ): แก้ไขจุดบกพร่อง ใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อวินิจฉัยและแก้ไขปัญหา โปรดดูเครื่องมือแก้ไขจุดบกพร่องสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

ขั้นตอนสำหรับผู้ค้าปลีกและพาร์ทเนอร์ทางการตลาด

ขั้นตอนที่ 1: เริ่มต้นใช้งานโฆษณาร่วม

ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management และ catalog_management

ขณะนี้ระบบยังไม่รองรับการดำเนินการนี้ผ่าน API จึงต้องดำเนินการผ่าน UI ในการเริ่มต้นกระบวนการนี้ ให้คลิกที่ "เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ผู้ค้าปลีก" ในไดเรกทอรีผู้ค้าปลีกที่เผยแพร่โฆษณาร่วม

ขั้นตอนที่ 2: สร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก

ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management และ catalog_management

สร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกจากหนึ่งในแค็ตตาล็อกที่คุณมีอยู่ กลุ่มสินค้าดังกล่าวจะต้องมีสินค้าทุกรายการที่คุณต้องการแชร์กับแบรนด์พาร์ทเนอร์

ในการสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกผ่าน API ให้ส่งคำขอ POST ไปยังจุดเชื่อมโยง owned_product_catalogs โดยในการสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก จะต้องระบุฟิลด์ต่อไปนี้

  • parent_catalog_id: แค็ตตาล็อกหลักที่จะใช้สร้างกลุ่มสินค้าของคุณ แค็ตตาล็อกนี้จะต้องเป็นไปตามกฎข้อบังคับของโฆษณาร่วม คุณสามารถดูสถานะแค็ตตาล็อกของคุณได้ในตัวจัดการการค้า
  • catalog_segment_filter: กฎที่มีการเข้ารหัส JSON ใช้สำหรับสร้างกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก

ขั้นตอนที่ 3: แชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก

ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management และ catalog_management

แชร์กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของคุณให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ หากต้องการดำเนินการผ่าน API ให้ส่งคำขอ POST ไปยัง /{catalog_segment_id}/agencies ในคำสั่ง คุณสามารถเพิ่มฟิลด์ต่อไปนี้ได้

ช่องคำอธิบาย

business

ประเภท: สตริงตัวเลขหรือจำนวนเต็ม

จำเป็นต้องระบุ

ID ของธุรกิจที่จะคุณแชร์แค็ตตาล็อกนี้ให้

permitted_tasks

ประเภท: อาร์เรย์ < enum {MANAGE, ADVERTISE} >

จำเป็นต้องระบุ

งานที่จะอนุญาตให้ธุรกิจสามารถทำได้ ตัวเลือกที่พร้อมใช้งาน ได้แก่ ['ADVERTISE', 'MANAGE']

utm_settings

ประเภท: อ็อบเจ็กต์ JSON {enum{campaign_source,campaign_medium,campaign_name}: string}

ระบุหรือไม่ก็ได้

คุณสามารถระบุ campaign_source, campaign_medium และ campaign_name ได้


ตัวอย่างเช่น {campaign_source: “fb_campaign_source”}

(สำหรับพาร์ทเนอร์ทางการตลาดเท่านั้น) ขั้นตอนที่ 4: มอบเครื่องมือการค้นพบสำหรับแบรนด์

ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management ส่วนคำสั่ง API จะต้องมีโทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ และผู้ใช้คนดังกล่าวจะต้องมีสิทธิ์การอนุญาตในการดำเนินการกับพาร์ทเนอร์ ธุรกิจ หรือคำขอร่วมงานที่ได้รับการแนะนำ

ในฐานะพาร์ทเนอร์ทางการตลาด คุณควรจัดหาช่องทางให้แบรนด์ต่างๆ ได้ค้นพบพาร์ทเนอร์โฆษณาร่วมที่อาจได้ร่วมงานกัน คุณสามารถใช้ตำแหน่งข้อมูลต่อไปเพื่อค้นหาผู้ค้าปลีกมาร่วมงานกันได้

หากแบรนด์ค้นพบพาร์ทเนอร์แล้ว คุณสามารถติดต่อไปยังผู้ค้าปลีกเพื่อขอร่วมงานด้วยได้ วิธีการดำเนินการก็คือ ส่งคำขอ POST ต่อไปนี้ไปยัง /{cpas-collaboration-request-id}

{business-id}/collaborative_ads_collaboration_requests?
brands=”[“[BRAND NAME]”, “[BRAND NAME 2]”]”&
contact_email=[CONTACT_EMAIL]&
contact_first_name=[CONTACT_FIRST_NAME]&
contact_last_name=[CONTACT_LAST_NAME]&
phone_number=[PHONE NUMBER]&
receiver_business=[RECEIVING BUSINESS ID]
requester_agency_or_brand=[REQUESTING ENTITY - AGENCY, BRAND or MERCHANT]

ติดตามการเชิญชวนของคุณด้วยตำแหน่งข้อมูลดังต่อไปนี้

ขั้นตอนสำหรับแบรนด์

ขั้นตอนที่ 1: ยอมรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อก

หากแบรนด์ของคุณยังไม่ยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการของธุรกิจใหม่ที่มีการแชร์กลุ่มสินค้า คุณต้องดำเนินการยอมรับให้เสร็จสิ้น

เมื่อได้รับองค์ประกอบที่ใช้ร่วมกันแล้ว ผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลของธุรกิจต้องดำเนินการดังนี้

  1. ไปที่ศูนย์ความร่วมมือ
  2. เลือกธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของข้อกำหนดในการใช้บริการที่คุณกำลังจะยอมรับ
  3. เลือกพาร์ทเนอร์จากส่วนการนำทางที่อยู่ด้านซ้ายมือ
  4. คลิกปุ่มยอมรับองค์ประกอบเพื่อเริ่มต้นกระบวนการยอมรับ

หลังจากยอมรับข้อกำหนดแล้ว แบรนด์ของคุณจะสามารถเพิ่มผู้คนเข้าไปยังกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้โดยใช้ตำแหน่งข้อมูล /{product-catalog-id}/assigned_usersหมายเหตุ: การดำเนินการนี้ต้องใช้สิทธิ์การอนุญาต business_management

ขั้นตอนที่ 2: สร้างแคมเปญโฆษณา

ในการดำเนินขั้นตอนนี้ แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต business_management และ ads_management

แบรนด์ของคุณสามารถใช้กลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกที่ยอมรับมาเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาได้ คุณควรใช้บัญชีโฆษณาแยกกันสำหรับผู้ค้าปลีกแต่ละรายที่คุณจะเผยแพร่โฆษณาร่วมให้ เมื่อเชื่อมต่อบัญชีโฆษณากับผู้ค้าปลีกแล้ว บัญชีดังกล่าวจะสามารถเลือกกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของผู้ค้าปลีกรายดังกล่าวได้เพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างและเผยแพร่โฆษณาตามปกติเหมือนที่คุณทำกับแค็ตตาล็อกสินค้าของคุณเอง คุณควรระบุ catalog_segment_ID แทนที่จะเป็น ID แค็ตตาล็อก ดังภาพ

curl \
  -F 'name=Product Catalog Sales Campaign' \
  -F 'objective=PRODUCT_CATALOG_SALES' \
  -F 'promoted_object={"product_catalog_id":"<CATALOG_SEGMENT_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/campaigns

หากสำเร็จ คุณจะได้รับ ID แคมเปญโฆษณาใหม่ ดังภาพ

{
"id": "<CAMPAIGN_ID>"
}

โดยปกติแล้ว จะมีฟิลด์ที่คุณสามารถตั้งค่าในโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ได้ แต่ไม่สามารถตั้งค่าในกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกได้อยู่ 4 ฟิลด์ ดังนี้

  • multi_share_end_card มีค่าเริ่มต้นเป็น false และคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
  • คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลง description ใน template_data ได้
  • template_url_spec ซึ่ง คุณสามารถใช้เป็น URL ลิงก์ตรง จะต้องชี้ไปยังเว็บไซต์ของผู้ค้า

ขั้นตอนที่ 3: ดูรายงาน

เมื่อเผยแพร่โฆษณาแล้ว ผู้ลงโฆษณาแบรนด์จะดูเกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาได้ เรามีเกณฑ์ชี้วัดข้อมูลเชิงลึกใหม่หลากหลายรายการในหลายระดับอ็อบเจ็กต์โฆษณา โปรดดู catalog_segment_value และเกณฑ์ชี้วัดที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการต่อไปนี้

catalog_segment_value แสดงข้อมูลแยกย่อยของเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่น ซึ่งรวมถึงการซื้อ การหยิบใส่รถเข็น และการดูสินค้าสำหรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกในแต่ละระดับของอ็อบเจ็กต์โฆษณา เกณฑ์ชี้วัดนี้จะรวมเหตุการณ์จากเว็บไซต์ มือถือ และแหล่งที่มาแบบหลายช่องทาง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดข้อมูลเชิงลึกแบบค่าประมาณและที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

ขั้นตอนที่ 4: แก้ไขจุดบกพร่องและวินิจฉัยปัญหา

ในขั้นตอนนี้ แบรนด์ควรแก้ไขปัญหาและจุดบกพร่องใดๆ ในการเผยแพร่โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ สำหรับกลุ่มสินค้าจากแค็ตตาล็อกของตนเอง

โปรดดูเครื่องมือแก้ไขจุดบกพร่องสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

ข้อมูลเชิงลึก

เกณฑ์ชี้วัดแบบค่าประมาณต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับโฆษณาร่วม โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดแบบค่าประมาณ เกณฑ์ชี้วัดที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และเกณฑ์ชี้วัดของบุคคลที่สาม

หากต้องการเรียกข้อมูลจากเกณฑ์ชี้วัดสำหรับการรายงานของเรา โปรดดำเนินการดังนี้

  • แอพของคุณต้องมีสิทธิ์การอนุญาต ads_management และ business_management ดูการตรวจสอบแอพ
  • คุณต้องมีโทเค็นการเข้าถึงของผู้ใช้ และผู้ใช้คนนี้จะต้องได้รับอนุญาตให้ดูรายงานของบัญชีโฆษณาที่กำหนด

อ็อบเจ็กต์ต่างๆ ที่คุณสามารถเรียกดูข้อมูลได้ ได้แก่ บัญชีโฆษณา, แคมเปญโฆษณา, ชุดโฆษณา และโฆษณา

ระบบไม่รองรับข้อมูลแยกย่อย action_converted_product_id ในระดับบัญชีโฆษณา

MetricDescription

catalog_segment_value

Value from conversion events, including a breakdown of purchases, add-to-carts and view products for the catalog segment at each ad object level.

catalog_segment_value_omni_purchase_roas

Total return on ad spend (ROAS) from purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailer' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads.

catalog_segment_value_website_purchase_roas

Total return on ad spend (ROAS) from website purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailers' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads.

catalog_segment_value_mobile_purchase_roas

The total return on ad spend (ROAS) from mobile app purchases of items shared between Brand and Retailer. This number is based on information received from one or more Retailers' connected Facebook Business Tools. The amount is attributed to your ads.

catalog_segment_actions

Similar to catalog_segment_value, when using this metric a breakdown of actions is given for the catalog segment at each ad object level.

converted_product_value

Value of conversions driven by your ads for a given product ID. This number is recorded by your Retailer partner's Pixel or App SDK.


The API only returns Product IDs —see /{product-item-id} for information. If you want to get brand names as well, please use Ads Manager.

converted_product_quantity

Quantity of conversions driven by your ads for a given product ID. This number is recorded by your Retailer partner's Pixel or App SDK.


The API only returns Product IDs —see /{product-item-id} for information. If you want to get brand names as well, please use Ads Manager.

ข้อมูลแยกย่อย

ข้อมูลแยกย่อยใช้สำหรับจัดกลุ่มผลลัพธ์จากข้อมูลเชิงลึกของคุณให้เป็นชุดๆ โปรดดูข้อมูลแยกย่อย คุณสามารถใช้ข้อมูลแยกย่อยต่อไปนี้กับเกณฑ์ชี้วัดโฆษณาร่วมได้

  • วันที่: รับข้อมูลเชิงลึกสำหรับช่วงวันที่ที่เฉพาะเจาะจง หากต้องการใช้ข้อมูลแยกย่อยนี้ ให้เพิ่ม time_range ลงในคำสั่ง ตัวอย่างเช่น &time_range[since]=2020-03-01&time_range[until]=2020-04-01

  • ระดับสินค้า: รับข้อมูลเชิงลึกสำหรับสินค้าที่เฉพาะเจาะจง ใช้ข้อมูลแยกย่อยนี้กับ converted_product_value และ converted_product_quantity metrics ด้วยการเพิ่ม &action_breakdowns=action_converted_product_id ลงในคำสั่ง

การรวมข้อมูลแยกย่อย

ใช้ข้อมูลแยกย่อยที่มีการรวมต่อไปนี้กับโฆษณาร่วม

ระบบไม่รองรับข้อมูลแยกย่อย action_converted_product_id ในระดับบัญชีโฆษณา

  • action_converted_product_id
  • action_type, action_converted_product_id