เริ่มต้นใช้งานโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมตามชุดสินค้า

ก่อนเริ่มต้น

หากต้องการสร้างแคมเปญโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ คุณจำเป็นต้องมีสิ่งต่อไปนี้

• เพจ Facebook ที่แสดงถึงตัวผู้ลงโฆษณา และอาจมีบัญชี Instagram หากเผยแพร่แคมเปญนี้บน Instagram
• บัญชีโฆษณาที่มีข้อมูลการชำระเงินที่ลงทะเบียนแล้ว
• แค็ตตาล็อก เช่น แค็ตตาล็อกสินค้าที่มีอยู่ในบัญชีตัวจัดการธุรกิจ

คุณยังเลือกตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าแบบไดนามิกได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องคัดชุดสินค้าเข้าหรือออกในการตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย

ขั้นตอนที่ 1: สร้างแคมเปญโฆษณา

โปรดเรียนรู้วิธีสร้างแคมเปญโฆษณาที่เอกสาร "แคมเปญโฆษณา"

ในระดับนี้ คุณจะต้องตั้งค่าเป้าหมายการโฆษณาผ่านทางช่อง objective สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ วัตถุประสงค์ที่รองรับ ได้แก่ PRODUCT_CATALOG_SALES, CONVERSIONS, LINK_CLICKS หรือ APP_INSTALLS หาก objective ที่คุณระบุเป็น CONVERSIONS, LINK_CLICKS หรือ APP_INSTALLS คุณก็ไม่จำเป็นต้องระบุช่อง promoted_object

curl \
  -F 'name=Product Catalog Sales Campaign' \
  -F 'objective=PRODUCT_CATALOG_SALES' \
  -F 'promoted_object={"product_catalog_id":"<PRODUCT_CATALOG_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/campaigns

ขั้นตอนที่ 2: สร้างชุดโฆษณา

สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ คุณจะต้องระบุ product_set_id ใน promoted_object สำหรับระดับชุดโฆษณาของคุณเพื่อโปรโมทสินค้าจากชุดสินค้านั้น

นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำหนดเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่นของคุณเองสำหรับชุดสินค้านั้นได้ด้วยการระบุ custom_event_type ใน promoted_object เมื่อ optimization_goal เป็น OFFSITE_CONVERSIONS ซึ่งจะกำหนดเป้าหมายโฆษณาของคุณเป็นผู้ที่ทำเหตุการณ์ดังกล่าวในแอพหรือเว็บไซต์ของคุณ

ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งค่าเป็น ADD_TO_CART จะหมายความว่าเหตุการณ์ "หยิบใส่รถเข็น" เป็นเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่น โดยค่าเริ่มต้นแล้ว custom_event_type จะตั้งค่าไว้เป็น PURCHASE โปรดเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์มาตรฐานและค่าสำหรับ custom_event_type ที่การติดตามคอนเวอร์ชั่นสำหรับพิกเซลของ Meta

หากคุณต้องการปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดคอนเวอร์ชั่นนอกเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึงคอนเวอร์ชั่นจากทั้งเหตุการณ์ในแอพและพิกเซลของ Facebook และรับการเรียกเก็บเงินเมื่อมีอิมเพรสชั่น ให้ดำเนินการดังนี้

• ตั้งค่า optimization_goal เป็น OFFSITE_CONVERSIONS
• ตั้งค่า billing_event เป็น IMPRESSIONS

คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ optimization_goal และ billing_event ร่วมกันอย่างถูกต้องได้ในเป้าหมายการปรับให้เหมาะสมและเหตุการณ์การเรียกเก็บเงิน

ตัวอย่างการสร้างชุดโฆษณาที่เรียกเก็บเงินจาก IMPRESSIONS และปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เกิด OFFSITE_CONVERSIONS

curl \
  -F 'name=Product Catalog Sales Adset' \
  -F 'bid_amount=3000' \
  -F 'billing_event=IMPRESSIONS' \
  -F 'optimization_goal=OFFSITE_CONVERSIONS' \
  -F 'daily_budget=15000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F 'targeting={ "geo_locations": {"countries":["US"]}, 
    "dynamic_audience_ids": ["<DYNAMIC_AUDIENCE_ID>"] 
  }' \
  -F 'promoted_object={"product_set_id":"<PRODUCT_SET_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets

DYNAMIC_AUDIENCE_ID หมายถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้า คุณสามารถเลือกเว้น dynamic_audience_ids จากการเรียกใช้ได้

สำหรับกรณีการใช้งานด้านอีคอมเมิร์ซนี้ คุณสามารถเว้น dynamic_audience_ids จากการเรียกใช้ และส่งข้อมูลการกำหนดเป้าหมายตามพฤติกรรมโดยเป็นส่วนหนึ่งของพารามิเตอร์ product_audience_specs หรือ excluded_product_audience_specs ไปแทนได้ ข้อมูลจำเพาะเหล่านี้กำหนดโดยพารามิเตอร์เดียวกันกับที่คุณใช้สร้างกลุ่มเป้าหมายของสินค้า

พารามิเตอร์

การกำหนดเป้าหมายซ้ำ

ในตัวอย่างนี้ เรากำหนดเป้าหมายเป็นผู้คนที่ดูสินค้าในช่วง 3-5 วันที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ซื้อสินค้า ตำแหน่งการจัดวางโฆษณาอยู่ในฟีดมือถือและ Audience Network หากต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายนี้ ให้ใช้โค้ดดังนี้

curl \
  -F 'name=Product Catalog Sales Adset' \
  -F 'bid_amount=3000' \
  -F 'billing_event=LINK_CLICKS' \
  -F 'optimization_goal=LINK_CLICKS' \
  -F 'daily_budget=15000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F 'targeting={ 
    "publisher_platforms": ["facebook","audience_network"], 
    "device_platforms": ["mobile"], 
    "geo_locations": {"countries":["US"]}, 
    "product_audience_specs": [ 
      { 
        "product_set_id": "<PRODUCT_SET_ID>", 
        "inclusions": [{"retention_seconds":432000,"rule":{"event":{"eq":"ViewContent"}}}], 
        "exclusions": [{"retention_seconds":432000,"rule":{"event":{"eq":"Purchase"}}}] 
      } 
    ], 
    "excluded_product_audience_specs": [ 
      { 
        "product_set_id": "<PRODUCT_SET_ID>", 
        "inclusions": [{"retention_seconds":259200,"rule":{"event":{"eq":"ViewContent"}}}] 
      } 
    ] 
  }' \
  -F 'promoted_object={"product_set_id":<PRODUCT_SET_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets

ขายพ่วงสินค้าหรือต่อยอดการขาย

ตัวอย่างของการโฆษณาสินค้าที่ผู้ใช้ไม่ได้ดู

curl \
-F 'name=Case 1 Adset' \
-F 'bid_amount=3000' \
-F 'billing_event=IMPRESSIONS' \
-F 'status=ACTIVE' \
-F 'daily_budget=15000' \
-F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
-F 'targeting= { \
            "geo_locations": { \
            "countries":["US"], \
             }, \
            "interests":[ \
                {"id":6003397425735,"name":"Tennis"}, \
            ], \
        }' \
-F 'promoted_object={"product_set_id”:<PRODUCT_SET_ID>}' \
-F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>’ \
https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<ACCOUNT_ID>/adsets

หากต้องการขายพ่วงสินค้าระหว่างชุดสินค้า ให้ดำเนินการดังนี้

• ระบุกลุ่มเป้าหมายของสินค้าพร้อมกฎของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชุดสินค้า A
• แสดงสินค้าจากชุดสินค้า B ในโฆษณาโดยตั้งค่า สินค้าproduct_set_id เป็นชุดสินค้า B ที่ระดับชิ้นงานโฆษณา

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจต้องการเพิ่มยอดขายกระเป๋าถือใน PRODUCT_SET_1 โดยการกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ใช้ที่มีอยู่ ซึ่งเคยแสดงความสนใจรองเท้าที่อยู่ใน PRODUCT_SET_2 ตั้งค่า product_set_id ใน product_audience_specs เป็น ID ของ PRODUCT_SET_2 หรือรองเท้า และตั้งค่า product_set_id ใน promoted_object เป็น ID ของ PRODUCT_SET_1 หรือกระเป๋าถือ

curl \
  -F 'name=My cross sell ad set' \
  -F 'bid_amount=3000' \
  -F 'billing_event=LINK_CLICKS' \
  -F 'optimization_goal=LINK_CLICKS' \
  -F 'daily_budget=15000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F 'targeting={ 
    "geo_locations": {"countries":["US"]}, 
    "product_audience_specs": [ 
      { 
        "product_set_id": "<PRODUCT_SET_2_ID>", 
        "inclusions": [{"retention_seconds":432000,"rule":{"event":{"eq":"ViewContent"}}}], 
        "exclusions": [{"retention_seconds":432000,"rule":{"event":{"eq":"Purchase"}}}] 
      } 
    ], 
    "excluded_product_audience_specs": [ 
      { 
        "product_set_id": "<PRODUCT_SET_2_ID>", 
        "inclusions": [{"retention_seconds":259200,"rule":{"event":{"eq":"ViewContent"}}}] 
      } 
    ] 
  }' \
  -F 'promoted_object={"product_set_id":"<PRODUCT_SET_1_ID>"}' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets  

และตั้งค่า product_set_id ในชิ้นงานโฆษณาเป็น ID ของ PRODUCT_SET_1

  curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง

นอกเหนือไปจากการกำหนดเป้าหมายซ้ำและการขายพ่วงสินค้ากับลูกค้าที่มีอยู่ โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ อาจมีการนำไปใช้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง โดยใช้ประโยชน์จากการกำหนดเป้าหมายตามอายุ เพศ และข้อมูลทางประชากรศาสตร์อื่นๆ กับสินค้าที่เกี่ยวข้องจากแค็ตตาล็อกสินค้าของคุณ เมื่อใช้ประโยชน์จากกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเป้าหมายแบบกว้างผสมผสานกับการประมูลสำหรับคอนเวอร์ชั่นนอกเว็บไซต์ โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ จะช่วยให้คุณสามารถขยายการเข้าถึงให้กับโฆษณาของคุณได้อย่างมากและมีประสิทธิภาพ

หากต้องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง ให้ดำเนินการดังนี้

• สร้างกลุ่มเป้าหมายโดยใช้การกำหนดเป้าหมายตามข้อมูลพื้นฐานทางประชากรศาสตร์ เช่น ผู้หญิงในสหรัฐฯ ที่อายุมากกว่า 18 ปี
• ใส่ customOptimize สำหรับ OFFSITE_CONVERSIONS พร้อมสัญญาณแสดงความประสงค์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น Purchase หรือ InitiateCheckout

ในตัวอย่างนี้ เราจะสร้างชุดโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายเป็นผู้หญิงอายุ 30-65 ปี ในสหรัฐฯ โดยไม่รวมลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เราจะประมูลที่ราคา $8 โดยใช้ OFFSITE_CONVERSIONS สำหรับเหตุการณ์ PURCHASE

curl \
  -F 'name=Broad Audience Targeting' \
  -F 'bid_amount=800' \
  -F 'billing_event=IMPRESSIONS' \
  -F 'daily_budget=15000' \
  -F 'campaign_id=<CAMPAIGN_ID>' \
  -F 'targeting={ 
    "age_max": 65, 
    "age_min": 30, 
    "geo_locations": {"countries":["US"]}, 
    "genders": [2], 
    "excluded_product_audience_specs": [ 
      { 
        "product_set_id": "<PRODUCT_SET_ID>", 
        "inclusions": [{"retention_seconds":864000,"rule":{"event":{"eq":"Purchase"}}}] 
      } 
    ] 
  }' \
  -F 'promoted_object={"product_set_id":"<PRODUCT_SET_ID>","custom_event_type":"PURCHASE"}' \
  -F 'optimization_goal=OFFSITE_CONVERSIONS' \
  -F 'status=PAUSED' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adsets

หมวดหมู่สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

หมวดหมู่สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ นำเสนอตัวเลือกชิ้นงานโฆษณาใหม่ 2 ตัวเลือกสำหรับแพลตฟอร์มโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ โดยทั้ง 2 ตัวเลือกนี้สามารถนำมาใช้เพื่อปรับแต่งชิ้นงานโฆษณาสำหรับผู้ซื้อสินค้าที่ยังอยู่ในขั้นต้นของกระบวนการตัดสินใจซื้อได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถสร้างแค็ตตาล็อกชิ้นงานโฆษณาที่เล็กลงเป็นรายการที่ 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นแค็ตตาล็อกแบบรูปภาพที่บ่งบอกถึงแต่ละหมวดหมู่ (เพิ่มเติมจากแค็ตตาล็อกแสดงรูปภาพสินค้าที่คุณมีอยู่แล้ว) และเราจะจับคู่หมวดหมู่สินค้ากับผู้คนในโฆษณาของคุณโดยใช้วิธีเดียวกับการจับคู่สินค้ากับผู้คน

หมวดหมู่สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ สามารถนำไปใช้กับตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายได้ทุกแบบในวัตถุประสงค์จำนวนผู้เข้าชม คอนเวอร์ชั่น หรือยอดขายจากแค็ตตาล็อก หากคุณไม่มีรูปภาพคุณภาพสูงที่จะใช้บ่งบอกถึงแต่ละหมวดหมู่หรือแต่ละแบรนด์ Facebook อาจสร้างคอลลาจขนาด 2x2 ของสินค้ายอดนิยมให้กับกลุ่มสินค้าแต่ละกลุ่มโดยอัตโนมัติ

เมื่อแมปรูปภาพใหม่นี้กับแค็ตตาล็อกสินค้าที่มีอยู่ คุณสามารถใช้คอลัมน์หนึ่งใน 3 คอลัมน์ในฟีดเพื่อจัดกลุ่มสินค้าได้ เช่น แบรนด์ ประเภทสินค้า และหมวดหมู่สินค้าของ Google

ในตัวอย่างแค็ตตาล็อกด้านล่างนี้ คอลัมน์ประเภทสินค้าจะมีค่าที่ไม่ซ้ำกันอยู่ 5 รายการ ผู้ลงโฆษณาสามารถจัดเตรียมคอลลาจหรือรูปภาพไลฟ์สไตล์ได้สูงสุด 5 รายการ โดยแต่ละรายการมีไว้สำหรับค่าที่ไม่ซ้ำกันแต่ละค่าใน product_type ประเภทสินค้าคือเกณฑ์การจัดหมวดหมู่ของหมวดหมู่ ซึ่งเป็นชื่อช่องแค็ตตาล็อกที่ใช้กำหนดหมวดหมู่ ค่าของช่องแค็ตตาล็อกคือค่าเกณฑ์ของหมวดหมู่

คุณสามารถระบุหมวดหมู่แบบไม่ซ้ำกันได้โดยใช้สิ่งต่อไปนี้

• ID แค็ตตาล็อกสินค้า
• เกณฑ์การจัดหมวดหมู่ (แบรนด์ ประเภทสินค้า หรือหมวดหมู่สินค้าของ Google)
• ค่าเกณฑ์ (ดึงมาจากแค็ตตาล็อก)

ผู้ลงโฆษณาสามารถเชื่อมโยงหมวดหมู่แต่ละหมวด (เช่น กลุ่มสินค้าแต่ละกลุ่มตามที่ระบุไว้โดยค่าที่ไม่ซ้ำกันในคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่งที่ระบุไว้ด้านบน) กับองค์ประกอบต่างๆ ได้ดังนี้

• ชื่อ - ชื่อสั้นๆ ของหมวดหมู่ที่ปรากฏแก่ผู้ใช้ (อักขระสูงสุด 40 ตัว)
• คำอธิบาย - คำอธิบายของหมวดหมู่ที่ปรากฏแก่ผู้ใช้ (อักขระสูงสุด 20 ตัว)
• destination_uri - URL แลนดิ้งเพจเมื่อผู้ใช้คลิกที่หมวดหมู่
• image_url - ระบุหรือไม่ก็ได้ URL รูปภาพไลฟ์สไตล์ที่บ่งบอกถึงหมวดหมู่นั้นๆ หากไม่มีการระบุ image_url เราจะสร้างคอลลาจสินค้ายอดนิยมจากหมวดหมู่นั้นให้โดยอัตโนมัติ

ในระหว่างการแสดงโฆษณา เราจะจับคู่แต่ละบัญชีในศูนย์บัญชีกับหมวดหมู่ที่บัญชีนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะตอบสนองมากที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งแบบเดียวกับที่ขับเคลื่อนโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ อยู่ในปัจจุบัน

API การจัดการหมวดหมู่

ข้อมูลหมวดหมู่จะจัดเก็บอยู่ที่ระดับแค็ตตาล็อก ซึ่งหมายความว่าโฆษณาต่างๆ ที่โปรโมทหมวดหมู่จากแค็ตตาล็อกเดียวกันก็จะใช้องค์ประกอบเดียวกัน เหมือนกับที่โฆษณาที่โปรโมทสินค้าก็จะใช้องค์ประกอบเดียวกันที่กำหนดไว้ในแค็ตตาล็อก เรารองรับตัวเลือกชิ้นงานโฆษณาต่างๆ เพื่อปรับแต่งโฆษณาของหมวดหมู่

ด้านล่างนี้คือ API ที่สามารถนำไปใช้เรียกดูและอัพเดตข้อมูลหมวดหมู่ได้

การอ่าน

คำขอ

  curl -G \
    -d 'fields=["criteria_value","name","description","destination_uri","image_url"]' \
    -d 'categorization_criteria=product_type' \
    -d 'filter={"price_amount":{"gt":1500}}' \ # optional
    -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
    https://graph.facebook.com/v19.0/<PRODUCT_CATALOG_ID>/categories

เราสืบค้นสำหรับสินค้าทั้งหมด (รองรับฟิลเตอร์ทางเลือก) และพบหมวดหมู่ยอดนิยม 1,000 หมวด (เรียงลำดับตามจำนวนสินค้า)

ตัวอย่างการตอบกลับ

{
  "data": [
    {
      "criteria_value": "clothes",
      "name": "Awesome clothes",
      "description": "Check out these awesome clothes!",
      "destination_uri": "http://www.example.com/clothes",
      "image_url": "http://www.example.com/clothes.jpg"
    },
    ...
    {
      "criteria_value": "shoes",
      "name": "Awesome shoes",
      "description": "Check out these awesome shoes!",
      "destination_uri": "http://www.example.com/shoes",
      "image_url": "http://www.example.com/shoes.jpg"
    }
  ]
}

การอัพเดต

คุณสามารถระบุข้อมูลหมวดหมู่ได้หลายรายการในข้อมูล คุณต้องระบุ categorization_criteria และ criteria_value สำหรับแต่ละหมวดหมู่ ส่วนช่อง name, description, destination_uri และ image_url นั้นจะระบุหรือไม่ก็ได้ เมื่ออัพเดตข้อมูลของหมวดหมู่เป็นครั้งแรก คุณจะต้องระบุ destination_uri หากคุณต้องการข้ามการแสดงหมวดหมู่ ก็เพียงปล่อย destination_uri ของหมวดหมู่นั้นๆ ให้ว่างไว้

หมายเหตุ: ขณะนี้ ระบบยังไม่รองรับการลบหมวดหมู่

คำขอ

curl \
  -F 'data=[{"categorization_criteria":"product_type","criteria_value":"product_type_value","name":"Name","description":"Description","destination_uri":"http://www.example.com/","image_url":"<IMAGE_URL>"}]' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/<lPRODUCT_CATALOG_ID>/categories

การสร้างโฆษณา

หมวดหมู่สำหรับการสร้างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ นั้นคล้ายกับการสร้างโฆษณาสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ อื่นๆ แต่การเลือกชิ้นงานโฆษณาจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย คุณยังคงโปรโมทชุดสินค้าด้วยโฆษณาหมวดหมู่แบบไดนามิกได้ แต่จุดแตกต่างก็คือเราจะแสดงชิ้นงานโฆษณาของหมวดหมู่แทน

curl \
  -F "name=Dynamic Category Ad Creative" \
  -F 'object_story_spec={"page_id": "<PAGE_ID>", "template_data": {"description": "{{category.description}}", "link": "https://www.example.com/", "message": "<MESSAGE>", "name": "{{category.name}}"}}' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'categorization_criteria=brand' \
  -F 'category_media_source=MIXED' \ # optional
  -F access_token=<ACCESS_TOKEN> \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<ACCOUNT_ID>/adcreatives

โค้ดนี้จะสร้างชิ้นงานโฆษณาของหมวดหมู่ที่เรนเดอร์ในรูปแบบภาพสไลด์

โทเค็นหมวดหมู่

โทเค็นหมวดหมู่ที่รองรับ

• category.name - ชื่อหมวดหมู่ภายในชุดสินค้าที่โปรโมท
• category.description - คำอธิบายหมวดหมู่ภายในชุดสินค้าที่โปรโมท
• category.destination_uri - URI ปลายทางของหมวดหมู่
• category.min_price - ราคาต่ำสุดของหมวดหมู่นี้ภายในชุดสินค้าที่โปรโมท ข้อมูลนี้ดึงมาจากแค็ตตาล็อก

พารามิเตอร์

ชื่อ	คำอธิบาย
categorization_criteria	ระบุว่าจะใช้หมวดหมู่ประเภทใด ค่า: brand product_type google_product_category
category_media_source	ระบุวิธีที่จะเรนเดอร์การ์ดภาพสไลด์ของหมวดหมู่ ค่า: mixed (ค่าเริ่มต้น) ใช้รูปภาพของหมวดหมู่หากมี แต่หากไม่มี ให้เปลี่ยนกลับไปใช้ products_collage category ใช้รูปภาพของหมวดหมู่ ข้ามหมวดหมู่นี้ หากหมวดหมู่นี้ไม่มีรูปภาพ products_collage สร้างคอลลาจขนาด 2x2 ของรูปภาพสินค้าจากหมวดหมู่นี้ products_slideshow เรนเดอร์สไลด์โชว์สินค้าจากหมวดหมู่นี้

ระหว่างการสร้างชิ้นงานโฆษณาของหมวดหมู่ เราจะค้นหาหมวดหมู่ที่น่าจะเรนเดอร์ได้

หมายเหตุ: เราจะกรองหมวดหมู่ที่ไม่มีชื่อหรือ URL ปลายทางออก นอกจากนี้ เรายังกรองหมวดหมู่ที่ไม่มีรูปภาพออกด้วยในกรณีที่ category_media_source = category

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

การสร้างชิ้นงานโฆษณาจะไม่สำเร็จ หากมีหมวดหมู่ที่ใช้งานได้น้อยกว่า 4 รายการ (เช่น หากต้องการใช้หมวดหมู่สำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ เป็นชิ้นงานโฆษณาของแคมเปญที่กำหนด คอลัมน์ที่กำหนดจากไฟล์ฟีดข้อมูลจะต้องมีค่าที่ไม่ซ้ำกันอย่างน้อย 4 ค่า)

ขั้นตอนที่ 3: ใส่ชิ้นงานโฆษณา

เทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ จะใช้โพสต์บนเพจแบบอินไลน์เพื่อสร้างชิ้นงานโฆษณาของเทมเพลตแค็ตตาล็อก Advantage+

สร้างชิ้นงานโฆษณาของเทมเพลต

การสร้างชิ้นงานโฆษณาของเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ จะคล้ายคลึงกับการสร้างชิ้นงานโฆษณาแบบอื่นๆ จุดแตกต่างก็คือคุณสามารถเพิ่มพารามิเตอร์เทมเพลตที่เรนเดอร์อย่างเหมาะสมในระหว่างรันไทม์ตามข้อมูลในไฟล์ฟีดข้อมูลของคุณ

สร้างเทมเพลตตามอ็อบเจ็กต์ template_data ของ object_story_spec และใช้ช่องต่อไปนี้

ตัวอย่าง

สร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

ใช้เทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ พร้อมโอเวอร์เลย์รูปภาพ

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}",
      "image_layer_specs": [
        {
          "layer_type": "image",
          "image_source": "catalog"
        },
        {
          "layer_type": "frame_overlay",
          "blending_mode": "lighten",
          "frame_image_hash": "<HASH>",
          "frame_source": "custom",
          "opacity": 100,
          "overlay_position": "center",
          "scale": 100
        },
        {
          "layer_type": "text_overlay",
          "content": {
            "type": "price"
          },
          "opacity": 100,
          "overlay_position": "top_left",
          "overlay_shape": "rectangle",
          "shape_color": "DF0005",
          "text_color": "FFFFFF",
          "text_font": "open_sans_bold"
        }
      ]
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

สร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ สำหรับสินค้ารายการเดียวโดยมีการกระตุ้นให้ดำเนินการ

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "force_single_link": true, 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

สร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์ โดยที่รูปภาพโฆษณาจะใช้รูปภาพแรกจากอาร์เรย์รูปภาพเพิ่มเติม

หากต้องการดูภาพตัวอย่างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ด้วย additional_image_index คุณจะต้องส่ง object_story_spec ทั้งหมดไปยังตำแหน่งข้อมูล /generatepreviews การส่งเฉพาะ object_story_id จะไม่สร้างภาพตัวอย่างขึ้นมา

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "additional_image_index": 0, 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

สร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์สำหรับสินค้ารายการเดียว โดยแต่ละรูปภาพมาจากอาร์เรย์รูปภาพเพิ่มเติมในแค็ตตาล็อก

curl -X POST \
     -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
     -F 'object_story_spec={
           "page_id": <PAGE_ID>,
           "template_data": {
             "message": "Test {{product.name | titleize}}",
             "link": "<YOUR_LINK_URL>",
             "name": "Headline {{product.price}}",
             "description": "Description {{product.description}}",
             "multi_share_end_card": false,
             "force_single_link": true,
             "show_multiple_images": true,
           }
         }' \
     -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
     -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

สร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์ โดยมีการ์ดแรกเป็นการ์ดคูปองแบบคงที่

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "child_attachments": [ 
        { 
          "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
          "description": "30% off", 
          "image_hash": "<IMAGE_HASH>", 
          "link": "https:\/\/www.link.com\/coupon", 
          "name": "Coupon Static Card", 
          "static_card": true 
        }, 
        { 
          "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
          "description": "Description {{product.description}}", 
          "name": "Headline {{product.price}}" 
        } 
      ], 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test Message" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

สร้างสไลด์โชว์แบบภาพสไลด์จากเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

เราจะเรนเดอร์การ์ดแบบไดนามิกแต่ละรายการในภาพสไลด์เป็นแบบสไลด์โชว์ สไลด์โชว์แต่ละรายการจะแสดงรูปภาพต่างๆ จากสินค้าแบบไดนามิกหนึ่งชิ้นถ้าสินค้านั้นมีหลายรูป แต่หากสินค้าแบบไดนามิกมีรูปภาพเพียงรายการเดียว เราจะแสดงการ์ดเป็นภาพนิ่ง

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={
    "page_id": "PAGE_ID",
    "template_data": {
      "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"},
      "description": "Description {{product.description}}",
      "link": "LINK",
      "message": "Test {{product.name | titleize}}",
      "name": "Headline {{product.price}}",
      "format_option": "carousel_slideshows"
    }
  }' \
  -F 'product_set_id=PRODUCT_SET_ID' \
  -F 'access_token=ACCESS_TOKEN' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/AD_ACCOUNT_ID/adcreatives

การตอบกลับการเรียกใช้เหล่านี้จะเป็น ID ของชิ้นงานโฆษณาเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ชิ้นใหม่

{"id":"creative_id"}

อัพโหลดแค็ตตาล็อก

เมื่ออัพโหลดแค็ตตาล็อก คุณสามารถระบุแท็กสตริงแบบกำหนดเองที่มีทั้งตัวเลขและตัวอักษรสำหรับแต่ละรูปภาพในคุณสมบัติแต่ละรายการได้

<listing>
 <hotel_id>hotel_1</hotel_id>
 ...
 <image>
 <url>https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-o/05/ca/40/af/the-epiphany-a-joie-de.jpg (https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fmedia-cdn.tripadvisor.com%2Fmedia%2Fphoto-o%2F05%2Fca%2F40%2Faf%2Fthe-epiphany-a-joie-de.jpg&h=ATPTuLcCa7Vsnmn07cEVa0YseTFl1C2hOax9NezejmXDbR48w3CLdjLlwlpuGCRDQmuafQvk03ybGqfhk-2mBcH7xtuKAsnuuq9xKwBd8DwfuBMZkq3n1qX5MdychRKGy2bo2ax9BZQzgqVDY_AvC1EqE6aAdUEc)</url>
 <tag>exterior</tag>
 <tag>first image</tag>
 <tag>tree</tag>
 </image>
 <image>
 <url>http://www3.hilton.com/resources/media/hi/DFWANHH/en_US/img/shared/full_page_image_gallery/main/HH_exteriorview001_1270x560_FitToBoxSmallDimension_Center.jpg (http://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww3.hilton.com%2Fresources%2Fmedia%2Fhi%2FDFWANHH%2Fen_US%2Fimg%2Fshared%2Ffull_page_image_gallery%2Fmain%2FHH_exteriorview001_1270x560_FitToBoxSmallDimension_Center.jpg&h=ATPTuLcCa7Vsnmn07cEVa0YseTFl1C2hOax9NezejmXDbR48w3CLdjLlwlpuGCRDQmuafQvk03ybGqfhk-2mBcH7xtuKAsnuuq9xKwBd8DwfuBMZkq3n1qX5MdychRKGy2bo2ax9BZQzgqVDY_AvC1EqE6aAdUEc)</url>
 <tag>skyline</tag>
 ...
 </image>
 ...
</listing>

สร้างชิ้นงานโฆษณา

เมื่อสร้างชิ้นงานโฆษณา คุณสามารถส่งอาร์เรย์ของ preferred_image_tags ใน object_story_spec ได้

curl \
 -F 'name=Ad Creative Test'\
 -F 'object_story_spec={
     "page_id": '<PAGE_ID>',
     "template_data": {
       "preferred_image_tags": ["skyline","exterior"],
       "call_to_action": {"type":"BOOK_TRAVEL"},
       "description": "{{hotel.description}}",
       "link": "<URL>",
        "message": "Book your stay in {{hotel.city}}",
        "name": "{{hotel.name | titleize}}"
     }
    }' \
 -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
 -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
 https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

เปิดใช้งานวิดีโอสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

ขั้นตอนหลักในการสร้างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ จะยังคงเหมือนเดิม หากต้องการเปิดใช้งานวิดีโอ คุณจำเป็นต้องใส่ข้อมูลวิดีโอและระบุข้อมูลดังกล่าวในแค็ตตาล็อก โปรดดูการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต้องดำเนินการเมื่อสร้างหรืออัพเดตแค็ตตาล็อกที่ด้านล่าง

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าแค็ตตาล็อก

เมื่อคุณเพิ่มวิดีโอลงในรายการ ระบบจะรองรับช่อง url และ tag โดยในขณะนี้ ระบบจะรองรับวิดีโอเพียง 1 รายการสำหรับสินค้าแต่ละชิ้น

<?xml version="1.0" encoding="utf-8"?>
<listings>
  <title>Test hotel feed</title>
  <listing>
    <hotel_id>hotel_1</hotel_id>
    <name>Test Hotel 1</name>
    <description>A very nice hotel</description>
    <brand>Facebook</brand>
    <address format="simple">
      <component name="addr1">180 Hamilton Ave</component>
      <component name="city">Palo Alto</component>
      <component name="city_id">12345</component>
      <component name="region">California</component>
      <component name="postal_code">94301</component>
      <component name="country">United States</component>
    </address>
    <latitude>37.4435997</latitude>
    <longitude>-122.1615219</longitude>
    <neighborhood>Palo Alto</neighborhood>
    <neighborhood>Silicon Valley</neighborhood>
    <margin_level>8</margin_level>
    <base_price>200.5 USD</base_price>
    <phone>+1 650 666-3311</phone>
    <star_rating>2.5</star_rating>
    <guest_rating>
      <score>7.8</score>
      <rating_system>tripAdvisor</rating_system>
      <number_of_reviewers>300</number_of_reviewers>
    </guest_rating>
    <guest_rating>
      <score>9.8</score>
      <rating_system>Hotels.com</rating_system>
      <number_of_reviewers>35000</number_of_reviewers>
    </guest_rating>
    <image>
      <url>https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-o/05/ca/40/af/the-epiphany-a-joie-de.jpg</url>
      <tag>front view</tag>
      <tag>first image</tag>
    </image>
    <image>
      <url>http://www.jdvhotels.com/content/uploads/2014/06/72-1200x800.jpg</url>
      <tag>room</tag>
      <tag>bed</tag>
    </image>
    <loyalty_program>Starwood</loyalty_program>
    <url>http://www.jdvhotels.com/hotels/california/silicon-valley-hotels/the-epiphany-hotel/</url>
    <applink property="ios_url" content="example-ios://electronic"/>
    <applink property="ios_app_store_id" content="42"/>
    <applink property="ios_app_name" content="Electronic Example iOS"/>
*    <video>
      <url>http://example.com/some_video1.mp4</url>
      <tag>City</tag>
      <tag>Package</tag>
    </video>*
  </listing>
</listings>

ข้อมูลจำเพาะของวิดีโอ

ขั้นตอนที่ 2: ใช้ API ในการดึงเมตาดาต้าของวิดีโอเพื่อแก้ไขปัญหา

คุณสามารถใช้ API เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่อัพโหลดได้ ให้อนุญาตการสืบค้น “เมตาดาต้าของวิดีโอ” สำหรับทุกรายการ

คำขอ

curl -i -X GET \
 "https://graph.intern.facebook.com/v19.0/1234567890?fields=videos_metadata.fields(video,tags,url)&access_token=<ACCESS TOKEN>"

ตัวอย่างการตอบกลับ

ขั้นตอนที่ 3: เปิดใช้งานวิดีโอในชิ้นงานโฆษณาหรือโฆษณา

หากต้องการเปิดใช้งานเนื้อหาวิดีโอระดับผลิตภัณฑ์ในโฆษณา โปรดดูเอกสาร "สร้างโฆษณาด้วยสื่อแบบไดนามิก"

การติดตามการคลิกและเทมเพลต

หากคุณติดตามการคลิกลิงก์ผ่านตัวติดตามคลิกจากภายนอกก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL ของสินค้าขั้นสุดท้าย คุณสามารถใช้ช่อง template_url_spec ในชิ้นงานโฆษณาได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มเทมเพลตตัวติดตามคลิกในระดับโฆษณาได้โดยไม่จำเป็นต้องฮาร์ดโค้ดในไฟล์ฟีดข้อมูล คุณยังสามารถใช้ช่องนี้เพื่อสร้างเทมเพลตสำหรับการใช้ Deep Link ได้ด้วย

ในช่องนี้ คุณสามารถใช้ช่องแบบไดนามิก เช่น ID หรือ URL ของสินค้า และช่องดังกล่าวควรได้รับการเข้ารหัส URL หากค่าของช่องสามารถมีอักขระที่ทำให้ URL ไม่ถูกต้องได้

ตัวอย่าง

หากต้องการสร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์ด้วยการตั้งค่า template_url_spec ให้ทำดังนี้

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<URL>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'template_url_spec={ 
    "ios": { 
      "app_store_id": "123", 
      "url": "example:\/\/link\/?nav=item.view&id={{product.retailer_id | urlencode}}&referrer=http:\/\/rover.example.com\/rover\/1\/711-198453-24755-9\/16%3Fitemid={{product.retailer_id | urlencode | urlencode}}" 
    }, 
    "web": { 
      "url": "http:\/\/clicktrack.com\/cm325?id={{product.retailer_id | urlencode}}&redirect_url={{product.url | urlencode | urlencode}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

ใช้ข้อมูลจากไฟล์ฟีดข้อมูลในเทมเพลตของคุณ

เมื่อโฆษณาปรากฏ Facebook จะแทนที่เนื้อหาในส่วน {{ }} ด้วยค่าที่เหมาะสมจากไฟล์ฟีดข้อมูลของคุณ ค่าเทมเพลตที่สามารถใช้งานได้มีดังนี้

ตัวเลือก

ค่าเทมเพลตบางรายการอาจได้รับตัวเลือกในลำดับใดๆ ตามรูปแบบดังต่อไปนี้

{{field option1 option2 ...}}

ตัวเลือกต่อไปนี้พร้อมให้ใช้งาน

การเปลี่ยนแปลง

คุณสามารถใช้ค่าเทมเพลตพร้อมการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ ซึ่งจะปรับค่าของคุณตามรูปแบบนี้

{{field | transform}}

ให้ใช้การเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

ระบุลักษณะการทำงานที่ต้องการของการคลิกโฆษณาจากมือถือ

เมื่อคุณแสดงชิ้นงานโฆษณาแบบไดนามิก คุณจะสามารถระบุลักษณะการทำงานที่ต้องการเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณาในแอพ Facebook แบบเนทีฟได้ ข้อกำหนดสำหรับการใช้ Deep Link มีอยู่ 2 ประการดังต่อไปนี้

1. แอพมือถือแบบเนทีฟที่เป็นปลายทางของผู้ใช้รองรับการใช้ Deep Link (iOS หรือ Android)
2. ข้อมูล Deep Link รวมอยู่ในไฟล์ฟีดข้อมูลแล้ว หรือข้อมูล Deep Link พร้อมให้ใช้งานผ่านลิงก์ที่ไปยังแอพ

หากเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งสอง คุณจะสามารถใช้ช่อง applink_treatment เมื่อสร้างชิ้นงานโฆษณาเพื่อระบุลักษณะการทำงานที่ต้องการเมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณาได้

ตัวอย่าง

การสร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์ที่มีการกระตุ้นให้ดำเนินการซึ่งจะ Deep Link ไปยังแอพแบบเนทีฟ (หากมี) หรือเปลี่ยนไปยังเว็บ

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'applink_treatment=deeplink_with_web_fallback' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives  

การสร้างเทมเพลตโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ แบบภาพสไลด์ที่มีการใช้แท็ก URL ซึ่งจะ Deep Link ไปยังแอพแบบเนทีฟ (หากมี) หรือเปลี่ยนไปยังแอพนั้นๆ ใน App Store

curl \
  -F 'name=Advantage+ Catalog Ads Template Creative Sample' \
  -F 'applink_treatment=deeplink_with_appstore_fallback' \
  -F 'object_story_spec={ 
    "page_id": "<PAGE_ID>", 
    "template_data": { 
      "call_to_action": {"type":"SHOP_NOW"}, 
      "description": "Description {{product.description}}", 
      "link": "<LINK>", 
      "message": "Test {{product.name | titleize}}", 
      "name": "Headline {{product.price}}" 
    } 
  }' \
  -F 'product_set_id=<PRODUCT_SET_ID>' \
  -F 'access_token<ACCESS_TOKEN>' \
https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/adcreatives

สร้างแค็ตตาล็อกในภาษาท้องถิ่นสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

โปรดดูรายละเอียดที่แค็ตตาล็อกในภาษาท้องถิ่นสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

ขั้นตอนที่ 4: สร้างโฆษณา

ในขั้นสุดท้าย คุณสามารถสร้างโฆษณาได้ โฆษณาจะอ้างอิงถึงชิ้นงานโฆษณา

ตัวอย่าง

curl -X POST \
  -F 'name="My Ad"' \
  -F 'adset_id="<AD_SET_ID>"' \
  -F 'creative={
       "creative_id": "<CREATIVE_ID>"
     }' \
  -F 'status="PAUSED"' \
  -F 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/act_<AD_ACCOUNT_ID>/ads

'use strict';
const bizSdk = require('facebook-nodejs-business-sdk');
const AdAccount = bizSdk.AdAccount;
const Ad = bizSdk.Ad;

const access_token = '<ACCESS_TOKEN>';
const app_secret = '<APP_SECRET>';
const app_id = '<APP_ID>';
const id = '<AD_ACCOUNT_ID>';
const api = bizSdk.FacebookAdsApi.init(access_token);
const showDebugingInfo = true; // Setting this to true shows more debugging info.
if (showDebugingInfo) {
  api.setDebug(true);
}

const logApiCallResult = (apiCallName, data) => {
  console.log(apiCallName);
  if (showDebugingInfo) {
    console.log('Data:' + JSON.stringify(data));
  }
};

let fields, params;
fields = [
];
params = {
  'name' : 'My Ad',
  'adset_id' : '<adSetID>',
  'creative' : {'creative_id':'<adCreativeID>'},
  'status' : 'PAUSED',
};
const ads = (new AdAccount(id)).createAd(
  fields,
  params
);
logApiCallResult('ads api call complete.', ads);

require __DIR__ . '/vendor/autoload.php';

use FacebookAds\Object\AdAccount;
use FacebookAds\Object\Ad;
use FacebookAds\Api;
use FacebookAds\Logger\CurlLogger;

$access_token = '<ACCESS_TOKEN>';
$app_secret = '<APP_SECRET>';
$app_id = '<APP_ID>';
$id = '<AD_ACCOUNT_ID>';

$api = Api::init($app_id, $app_secret, $access_token);
$api->setLogger(new CurlLogger());

$fields = array(
);
$params = array(
  'name' => 'My Ad',
  'adset_id' => '<adSetID>',
  'creative' => array('creative_id' => '<adCreativeID>'),
  'status' => 'PAUSED',
);
echo json_encode((new AdAccount($id))->createAd(
  $fields,
  $params
)->exportAllData(), JSON_PRETTY_PRINT);

from facebook_business.adobjects.adaccount import AdAccount
from facebook_business.adobjects.ad import Ad
from facebook_business.api import FacebookAdsApi

access_token = '<ACCESS_TOKEN>'
app_secret = '<APP_SECRET>'
app_id = '<APP_ID>'
id = '<AD_ACCOUNT_ID>'
FacebookAdsApi.init(access_token=access_token)

fields = [
]
params = {
  'name': 'My Ad',
  'adset_id': '<adSetID>',
  'creative': {'creative_id':'<adCreativeID>'},
  'status': 'PAUSED',
}
print AdAccount(id).create_ad(
  fields=fields,
  params=params,
)

import com.facebook.ads.sdk.*;
import java.io.File;
import java.util.Arrays;

public class SAMPLE_CODE_EXAMPLE {
  public static void main (String args[]) throws APIException {

    String access_token = \"<ACCESS_TOKEN>\";
    String app_secret = \"<APP_SECRET>\";
    String app_id = \"<APP_ID>\";
    String id = \"<AD_ACCOUNT_ID>\";
    APIContext context = new APIContext(access_token).enableDebug(true);

    new AdAccount(id, context).createAd()
      .setName(\"My Ad\")
      .setAdsetId(<adSetID>L)
      .setCreative(
          new AdCreative()
            .setFieldId(\"<adCreativeID>\")
        )
      .setStatus(Ad.EnumStatus.VALUE_PAUSED)
      .execute();

  }
}

require 'facebook_ads'

access_token = '<ACCESS_TOKEN>'
app_secret = '<APP_SECRET>'
app_id = '<APP_ID>'
id = '<AD_ACCOUNT_ID>'

FacebookAds.configure do |config|
  config.access_token = access_token
  config.app_secret = app_secret
end

ad_account = FacebookAds::AdAccount.get(id)
ads = ad_account.ads.create({
    name: 'My Ad',
    adset_id: '<adSetID>',
    creative: {'creative_id':'<adCreativeID>'},
    status: 'PAUSED',
})

ยินดีด้วย! คุณได้สร้างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ชิ้นแรกเรียบร้อยแล้ว ให้ยกเลิกการหยุดชั่วคราวเพื่อเริ่มแสดงโฆษณาได้เลย

ขั้นตอนถัดไป

ดูภาพตัวอย่างโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

คุณสามารถสร้างภาพตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาแบบไดนามิกของคุณได้ด้วยตำแหน่งข้อมูลของภาพตัวอย่างโฆษณา ให้ระบุพารามิเตอร์ product_item_ids หรือระบุ product_item_ids หลายรายการเพื่อดูภาพตัวอย่างของโฆษณาแบบภาพสไลด์

curl -X GET \
  -d 'ad_format="DESKTOP_FEED_STANDARD"' \
  -d 'product_item_ids=[
       "<PRODUCT_ITEM_ID>"
     ]' \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v19.0/<CREATIVE_ID>/previews

'use strict';
const bizSdk = require('facebook-nodejs-business-sdk');
const AdCreative = bizSdk.AdCreative;
const AdPreview = bizSdk.AdPreview;

const access_token = '<ACCESS_TOKEN>';
const app_secret = '<APP_SECRET>';
const app_id = '<APP_ID>';
const id = '<AD_CREATIVE_ID>';
const api = bizSdk.FacebookAdsApi.init(access_token);
const showDebugingInfo = true; // Setting this to true shows more debugging info.
if (showDebugingInfo) {
  api.setDebug(true);
}

const logApiCallResult = (apiCallName, data) => {
  console.log(apiCallName);
  if (showDebugingInfo) {
    console.log('Data:' + JSON.stringify(data));
  }
};

let fields, params;
fields = [
];
params = {
  'ad_format' : 'DESKTOP_FEED_STANDARD',
  'product_item_ids' : ['<productItemID>'],
};
const previewss = (new AdCreative(id)).getPreviews(
  fields,
  params
);
logApiCallResult('previewss api call complete.', previewss);

require __DIR__ . '/vendor/autoload.php';

use FacebookAds\Object\AdCreative;
use FacebookAds\Object\AdPreview;
use FacebookAds\Api;
use FacebookAds\Logger\CurlLogger;

$access_token = '<ACCESS_TOKEN>';
$app_secret = '<APP_SECRET>';
$app_id = '<APP_ID>';
$id = '<AD_CREATIVE_ID>';

$api = Api::init($app_id, $app_secret, $access_token);
$api->setLogger(new CurlLogger());

$fields = array(
);
$params = array(
  'ad_format' => 'DESKTOP_FEED_STANDARD',
  'product_item_ids' => array('<productItemID>'),
);
echo json_encode((new AdCreative($id))->getPreviews(
  $fields,
  $params
)->getResponse()->getContent(), JSON_PRETTY_PRINT);

from facebook_business.adobjects.adcreative import AdCreative
from facebook_business.adobjects.adpreview import AdPreview
from facebook_business.api import FacebookAdsApi

access_token = '<ACCESS_TOKEN>'
app_secret = '<APP_SECRET>'
app_id = '<APP_ID>'
id = '<AD_CREATIVE_ID>'
FacebookAdsApi.init(access_token=access_token)

fields = [
]
params = {
  'ad_format': 'DESKTOP_FEED_STANDARD',
  'product_item_ids': ['<productItemID>'],
}
print AdCreative(id).get_previews(
  fields=fields,
  params=params,
)

import com.facebook.ads.sdk.*;
import java.io.File;
import java.util.Arrays;

public class SAMPLE_CODE_EXAMPLE {
  public static void main (String args[]) throws APIException {

    String access_token = \"<ACCESS_TOKEN>\";
    String app_secret = \"<APP_SECRET>\";
    String app_id = \"<APP_ID>\";
    String id = \"<AD_CREATIVE_ID>\";
    APIContext context = new APIContext(access_token).enableDebug(true);

    new AdCreative(id, context).getPreviews()
      .setAdFormat(AdPreview.EnumAdFormat.VALUE_DESKTOP_FEED_STANDARD)
      .setProductItemIds(\"[\\"<productItemID>\\"]\")
      .execute();

  }
}

require 'facebook_ads'

access_token = '<ACCESS_TOKEN>'
app_secret = '<APP_SECRET>'
app_id = '<APP_ID>'
id = '<AD_CREATIVE_ID>'

FacebookAds.configure do |config|
  config.access_token = access_token
  config.app_secret = app_secret
end

ad_creative = FacebookAds::AdCreative.get(id)
previewss = ad_creative.previews({
    fields: {  },
    ad_format: 'DESKTOP_FEED_STANDARD',
    product_item_ids: ['<productItemID>'],
})

พารามิเตอร์

ดึงข้อมูลสถิติของโฆษณาสินค้า

คุณสามารถดึงข้อมูลสถิติของสินค้าแต่ละรายการได้โดยเรียกใช้ GET ไปยังตำแหน่งข้อมูลของข้อมูลเชิงลึก เพิ่ม product_id ในพารามิเตอร์ fields

ซึ่งจะแสดงสถิติสำหรับสินค้าทั้งหมดในชุดสินค้าของบัญชีที่แสดงในโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+

ตัวอย่าง

ตัวอย่างนี้จะรายงาน clicks, actions และ impressions สำหรับ product_id แต่ละรายการ

คำขอ

use FacebookAds\Object\AdAccount;
use FacebookAds\Object\Fields\AdsInsightsFields;
use FacebookAds\Object\Values\AdsInsightsActionBreakdownsValues;
use FacebookAds\Object\Values\AdsInsightsDatePresetValues;
use FacebookAds\Object\Values\AdsInsightsBreakdownsValues;

$account = new AdAccount('act_<AD_ACCOUNT_ID>');

$fields = array(
  AdsInsightsFields::ACCOUNT_NAME,
  AdsInsightsFields::IMPRESSIONS,
  AdsInsightsFields::ACTIONS,
);

$params = array(
  'date_preset' => AdsInsightsDatePresetValues::LAST_WEEK,
  'action_breakdowns' => array(
    AdsInsightsActionBreakdownsValues::ACTION_TYPE,
  ),
  'breakdowns' => array(
    AdsInsightsBreakdownsValues::PRODUCT_ID,
  ),
);

$stats = $account->getInsights($fields, $params);

from facebookads.adobjects.adaccount import AdAccount
from facebookads.adobjects.adsinsights import AdsInsights

account = AdAccount('act_<AD_ACCOUNT_ID>')

fields = [
    AdsInsights.Field.account_name,
    AdsInsights.Field.impressions,
    AdsInsights.Field.actions,
]

params = {
    'date_preset': 'last_week',
    'actions_group_by': ['action_type'],
    'breakdowns': [
        AdsInsights.Breakdowns.product_id,
    ],
}

stats = account.get_insights(fields=fields, params=params)

APINodeList<AdsInsights> adsInsightss = new AdAccount(act_<AD_ACCOUNT_ID>, context).getInsights()
  .setDatePreset(AdsInsights.EnumDatePreset.VALUE_LAST_WEEK)
  .setActionBreakdowns("[\"action_type\"]")
  .setBreakdowns("[\"product_id\"]")
  .requestField("account_name")
  .requestField("impressions")
  .requestField("actions")
  .execute();

curl -G \
  -d 'date_preset=last_week' \
  -d 'action_breakdowns=["action_type"]' \
  -d 'breakdowns=["product_id"]' \
  -d 'fields=account_name,impressions,actions' \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/v2.8/act_<AD_ACCOUNT_ID>/insights

การตอบกลับ

{
 "data": [ 
   {
      "account_id": "123456", 
      "product_id": "60750", 
      "date_start": "2015-02-03", 
      "date_stop": "2015-02-03", 
      "impressions": 880, 
      "clicks": 8, 
      "actions": [ 
        {
          "action_type": "link_click", 
          "value": 6
        }, 
        {
          "action_type": "offsite_conversion.other", 
          "value": 5
        },  
        {
          "action_type": "offsite_conversion", 
          "value": 5
        }
      ], 
      "account_name": "My Account"
    }, 
 ], 
...
}

ดึงข้อมูลความคิดเห็นและการกดถูกใจ

คุณสามารถเรียกดูความคิดเห็น การกดถูกใจ และ product_id ของโพสต์โฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+ ได้ โดยเรียกใช้ GET ดังต่อไปนี้กับ post_idpost_id คือ effective_object_story_id ของชิ้นงานโฆษณาซึ่งอยู่ในรูปแบบ PageID_PostID

หมายเหตุ: คุณไม่สามารถใช้ตำแหน่งข้อมูลนี้เพื่อเรียกดูความคิดเห็นจาก Instagram ได้

curl -G \
  -d 'access_token=<ACCESS_TOKEN>' \
  https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/<POST_ID>/dynamic_posts

ตำแหน่งข้อมูลนี้จะส่งคืนอ็อบเจ็กต์โพสต์แบบไดนามิก

เมื่อคุณได้รับโพสต์แบบไดนามิกแล้ว คุณจะสามารถดึงข้อมูล comments, likes, product_id และ child_attachments สำหรับรูปแบบภาพสไลด์ได้ (หากมี)

เรียนรู้เพิ่มเติม

• ตั้งค่าแค็ตตาล็อก
• สร้างกลุ่มเป้าหมาย
• ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับชุดโฆษณา
• ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับชิ้นงานโฆษณา
• หลักสูตร Meta Blueprint: เตรียมพร้อมและตั้งค่าแค็ตตาล็อกสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+
• หลักสูตร Meta Blueprint: แก้ไขปัญหาแค็ตตาล็อกสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+
• การฝึกอบรม Meta Blueprint แบบถ่ายทอดสด: แก้ไขปัญหาแค็ตตาล็อกสำหรับโฆษณาแค็ตตาล็อก Advantage+