หากต้องการสร้างกฎการปรับสมดุลงบประมาณตาม ROI คุณก็ต้องเข้าใจองค์ประกอบแต่ละอย่างเสียก่อน ROI ย่อมาจาก Return On Investment (ผลตอบแทนการลงทุน)
ในหน้านี้ คุณจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบแต่ละอย่างในกฎการปรับสมดุล และได้เรียนรู้ว่าแต่ละพารามิเตอร์ส่งผลต่อการทำงานของกฎอย่างไรบ้าง
สำหรับกฎการปรับสมดุลนี้ เราขอแนะนำให้ใช้กำหนดเวลาแบบ DAILY
หรือ CUSTOM
เนื่องจากไม่ควรมีการดำเนินการเป็นประจำ
เกณฑ์การประเมินจะทำงานสอดรับกับ rebalance_spec
เพื่อกำหนดรายการอ็อบเจ็กต์ที่จะได้รับผลจากการปรับสมดุล
สำหรับการปรับสมดุลทุกประเภท รายการอ็อบเจ็กต์ที่ผ่านการประเมินจะเป็นแหล่งที่มาของงบประมาณ รายชื่อผู้รับจะแตกต่างกันไปตามประเภทการปรับสมดุลที่ระบุไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว (ตัวอย่างเช่น EVEN
) ผู้รับจะเป็นอ็อบเจ็กต์ที่ไม่ผ่านการประเมิน
ตัวอย่างเช่น หากเกณฑ์ของกฎประเภท EVEN
คือ cost_per_mobile_app_install
มากกว่า 2.50
แสดงว่า ชุดโฆษณาทุกชุดที่มีต้นทุนต่อการติดตั้งแอพบนมือถือมากกว่า 2.50 จะถูกหยุดแสดงชั่วคราว และงบประมาณจะถูกนำไปให้กับชุดโฆษณาทุกชุดที่มีต้นทุนต่อการติดตั้งแอพบนมือถือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2.50
rebalance_spec
จะเป็นตัวกำหนดที่แน่ชัดว่าผู้รับจะได้งบประมาณอย่างไร พารามิเตอร์มีอยู่ 5 รายการดังนี้
ช่อง | คำอธิบาย |
---|---|
| จำเป็นต้องระบุ กำหนดวิธีการจัดสรรงบประมาณ หากค่าไม่ใช่ ค่าที่รองรับ: |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุเกณฑ์ชี้วัดข้อมูลเชิงลึกที่ใช้จัดอันดับผู้รับ จำเป็นต้องระบุพารามิเตอร์นี้หาก ค่าที่รองรับ: ช่องข้อมูลเชิงลึก เช่น |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุจำนวน (K) ของผู้รับ การใช้ ค่าที่รองรับ: จำนวนเต็มที่เป็นบวก เช่น |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุว่าคุณอนุญาตให้จัดสรรงบประมาณให้กับแคมเปญโฆษณาทุกแคมเปญหรือไม่ หากไม่ได้ระบุพารามิเตอร์นี้หรือมีค่าเป็น ค่าที่รองรับ: ค่าบูลีน เช่น |
| ระบุหรือไม่ก็ได้ ระบุว่าผู้รับควรได้รับการจัดอันดับจากสูงไปหาต่ำโดยผกผันกับค่า ค่าที่รองรับ: ค่าบูลีน เช่น |
การดำเนินการนี้มีรายละเอียดปลีกย่อยแบบเฉพาะเจาะจงบางประการดังนี้
หากชุดโฆษณาที่ได้รับการปรับสมดุลมีทั้งงบประมาณต่อวันและตลอดอายุการใช้งาน เราจะแยกชุดโฆษณาออกเป็นสองบักเก็ต ซึ่งหมายความว่า ชุดโฆษณาจะโยกย้ายงบประมาณต่อวันไปยังชุดโฆษณาอื่นที่มีงบประมาณต่อวัน ส่วนงบประมาณตลอดอายุการใช้งานก็จะโยกย้ายไปยังชุดโฆษณาที่มีงบประมาณตลอดอายุการใช้งานเช่นกัน
ในกรณีของชุดโฆษณาที่มีงบประมาณตลอดอายุการใช้งาน เราจะใช้งบประมาณคงเหลือ (ส่วนต่างระหว่างงบประมาณตลอดอายุการใช้งานกับยอดใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน) ในการหาจำนวนเงินงบประมาณที่สามารถจัดสรรได้ การทำเช่นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่างบประมาณทั้งหมดในระดับแคมเปญโฆษณาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
rebalance_spec
สำหรับประเภท EVEN
และ PROPORTIONAL
เราจะหยุดอ็อบเจ็กต์ที่ตรงกัน (ผู้ส่งต่องบประมาณให้กับผู้รับ) ไว้ชั่วคราว เมื่อเราหยุดอ็อบเจ็กต์เหล่านี้ไว้ชั่วคราว เราจะไม่ปรับงบประมาณแต่อย่างใด เนื่องจาก
ซึ่งหมายความว่า หากคุณเปิดใช้งานชุดโฆษณาอีกครั้งหลังจากนั้น ชุดโฆษณาดังกล่าวจะมีงบประมาณเท่ากับที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น คุณสามารถดูได้เมื่อโต้ตอบกับอ็อบเจ็กต์ที่ถูกหยุดชั่วคราวและดึงข้อมูลงบประมาณของอ็อบเจ็กต์นั้นๆ
สำหรับประเภท NO_PAUSE_PROPORTIONAL
เราจะไม่หยุดอ็อบเจ็กต์ที่ตรงกันไว้ชั่วคราว เรากำหนดจำนวนงบประมาณที่จะปรับโดยดูอ็อบเจ็กต์ทั้งหมด (ผู้ส่งต่อและผู้รับ) ร่วมกันและจัดอันดับประสิทธิภาพการทำงาน การทำเช่นนี้ช่วยรับรองว่าจะมีการโยกย้ายงบประมาณจากผู้ส่งต่อไปยังผู้รับเท่านั้น การตั้งค่าเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบโยกย้ายงบประมาณออกจากชุดโฆษณาที่มีประสิทธิภาพดีแทนชุดโฆษณาที่มีประสิทธิภาพการทำงานต่ำ เนื่องจากพิจารณาเพียงจำนวนงบประมาณที่มีอยู่ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ตัวอย่างด้านล่าง
สำหรับประเภท MATCHED_ONLY_PROPORTIONAL
เราจะดูอ็อบเจ็กต์ที่ตรงกันเพียงอย่างเดียว และเราจะไม่หยุดอ็อบเจ็กต์ไว้ชั่วคราวเช่นกัน แต่เราจะนำมาจัดอันดับและแจกจ่ายงบประมาณให้ใหม่ โดยพิจารณาจากการนำประสิทธิภาพการทำงานมาเทียบกัน ซึ่งหมายความว่า เราจะนำงบประมาณจากผู้ส่งต่องบประมาณทั้งหมดมาแบ่งให้กับผู้ส่งต่องบประมาณชุดเดียวกันนี้ตามสัดส่วน โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ตัวอย่างด้านล่าง
สำหรับประเภทที่ลงท้ายด้วย PROPORTIONAL
เราจะแจกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมให้กับชุดโฆษณาที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่า โดยพิจารณาจาก target_field
ที่ระบุไว้ ตัวอย่างเช่น หากเกณฑ์ชี้วัดเป็น reach
และฉันมีชุดโฆษณาที่เป็นผู้รับอยู่ 2 ชุด ซึ่งมี reach
อยู่ที่ 10 และ 20 เราจะจัดสรรงบประมาณที่มีให้กับชุดโฆษณาเหล่านี้ 33.3% และ 66.6% ตามลำดับ หากประเภทเป็น EVEN
ชุดโฆษณาก็จะได้งบประมาณชุดละ 50%
is_inverse
แฟล็ก is_inverse
มีประโยชน์สำหรับเกณฑ์ชี้วัดต่างๆ เช่น cost_per_mobile_app_install
ซึ่งเกณฑ์ชี้วัดยิ่งมีตัวเลขน้อย ก็แสดงว่าชุดโฆษณามีประสิทธิภาพการทำงานสูงยิ่งขึ้น เราได้เน้นย้ำให้เห็นอีกครั้งในตัวอย่างด้านล่าง และแสดงให้เห็นว่าชุดโฆษณาที่มีค่าดังกล่าวน้อยกว่าได้รับการจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนที่สูงกว่า
นี่คือตัวอย่างของกฎการปรับสมดุลที่มีลักษณะดังนี้
เรากำหนดให้ประสิทธิภาพการทำงานต่ำคือการมี cost_per_mobile_app_install
ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เราจะจัดสรรงบประมาณจากชุดโฆษณาทั้งหมดที่มีประสิทธิภาพการทำงานต่ำให้กับชุดโฆษณาที่ดีที่สุด 10 ชุดในบัญชีโฆษณาตามสัดส่วน กฎนี้จะทำงานในเวลา 8:00 น. ของทุกวัน โดยดูจากข้อมูลตลอดอายุการใช้งาน
curl \ -F 'name=Test Rebalance Rule' \ -F 'schedule_spec={ "schedule_type": "CUSTOM", "schedule": [ { "start_minute": 480 } ] }' \ -F 'evaluation_spec={ "evaluation_type": "SCHEDULE", "filters": [ { "field": "entity_type", "value": "ADSET", "operator": "EQUAL" }, { "field": "time_preset", "value": "LIFETIME", "operator": "EQUAL" }, { "field": "mobile_app_install", "value": 100, "operator": "GREATER_THAN" }, { "field": "cost_per_mobile_app_install", "value": 3.0, "operator": "GREATER_THAN" } ] }' \ -F 'execution_spec={ "execution_type": "REBALANCE_BUDGET", "execution_options": [ { "field": "rebalance_spec", "value": { "type": "INVERSE_PROPORTIONAL", "target_field": "cost_per_mobile_app_install", "target_count": 10, "is_cross_campaign": true }, "operator": "EQUAL" }, ] }' \ -F "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \ https://graph.facebook.com/<VERSION>/<AD_ACCOUNT_ID>/adrules_library
ในที่นี้ กฎนี้จะมีลักษณะดังนี้
curl \ -F 'name=Test Rebalance Rule' \ -F 'schedule_spec={ "schedule_type": "DAILY" }' \ -F 'evaluation_spec={ "evaluation_type": "SCHEDULE", "filters": [ { "field": "entity_type", "value": "ADSET", "operator": "EQUAL" }, { "field": "time_preset", "value": "LIFETIME", "operator": "EQUAL" }, { "field": "impressions", "value": 8000, "operator": "GREATER_THAN" }, { "field": "audience_reached_percentage", "value": 70, "operator": "GREATER_THAN" } ] }' \ -F 'execution_spec={ "execution_type": "REBALANCE_BUDGET", "execution_options": [ { "field": "rebalance_spec", "value": { "type": "EVEN" }, "operator": "EQUAL" }, ] }' \ -F "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \ https://graph.facebook.com/<VERSION>/<AD_ACCOUNT_ID>/adrules_library
นี่คือตัวอย่างที่ใช้ประเภท NO_PAUSE_PROPORTIONAL
ในกรณีนี้ ระบบจะจัดสรรงบประมาณใหม่จากชุดโฆษณาต่างๆ ในแคมเปญโฆษณาจากชุดโฆษณาที่มีจำนวนการรับชมวิดีโอน้อย แต่ในกรณีนี้ ชุดโฆษณาจะไม่ถูกหยุดแสดงชั่วคราว และจะได้รับจำนวนเงินงบประมาณตามสัดส่วน
นี่คือตัวอย่างสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยแสดงให้เห็นเป็นตัวเลข
1-5
โดยมี video_view
อยู่ที่ 1-5
และชุดโฆษณาแต่ละชุดมีงบประมาณต่อวันอยู่ที่ 3000
และกฎด้านล่าง 6000
จากชุดโฆษณา 1
และ 2
มาหาวิธีแจกจ่ายให้ได้สัดส่วน ในกรณีนี้ ชุดโฆษณาแต่ละชุดจะมีอัตราส่วนที่ 1/15
ถึง 5/15
400
, 800
, 4200
, 4600
และ 5000
ตามลำดับ ซึ่งเป็นการรับรองว่าผู้รับ (ชุดโฆษณา 1
, 2
และ 3
) จะมีงบประมาณเพิ่มขึ้นอยู่เสมอcurl \ -F 'name=Test Rebalance Rule' \ -F 'schedule_spec={ "schedule_type": "DAILY" }' \ -F 'evaluation_spec={ "evaluation_type": "SCHEDULE", "filters": [ { "field": "entity_type", "value": "ADSET", "operator": "EQUAL" }, { "field": "time_preset", "value": "LIFETIME", "operator": "EQUAL" }, { "field": "video_view", "value": 3, "operator": "LESS_THAN" }, ] }' \ -F 'execution_spec={ "execution_type": "REBALANCE_BUDGET", "execution_options": [ { "field": "rebalance_spec", "value": { "type": "NO_PAUSE_PROPORTIONAL", "target_field": "video_view" }, "operator": "EQUAL" }, ] }' \ -F "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \ https://graph.facebook.com/<VERSION>/<AD_ACCOUNT_ID>/adrules_library
ในขั้นสุดท้าย นี่คือตัวอย่างที่ใช้ MATCHED_ONLY_PROPORTIONAL
ในกรณีนี้ เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอ็อบเจ็กต์ที่ไม่ตรงกัน จุดมุ่งเน้นจะอยู่ที่ชุดโฆษณาที่เป็นไปตามตัวกรองของกฎ คุณสามารถใช้ตัวอย่างเดิมข้างต้นได้ เว้นแต่ว่าในตอนนี้ คุณไม่จำเป็นต้องระบุ 2 รายการตามวิธีการกำหนดชุดโฆษณาที่มีประสิทธิภาพการทำงานต่ำ
เราจะใช้ตัวอย่างที่เป็นตัวเลขเดิมข้างต้น เราจะใช้งบประมาณทั้งหมดที่มีอยู่ (15000
) และแจกจ่ายแบบเป็นสัดส่วน ด้วยเหตุนี้ ชุดโฆษณา 1-5
จะได้รับงบประมาณที่ 1000-5000
type
นี้มีข้อเสียหลักๆ คือ ไม่มีการรับรองว่าชุดโฆษณาที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าจะไม่เสียงบประมาณไป โดยเฉพาะในกรณีที่งบประมาณมีมูลค่าไม่สมดุลกัน ส่วนที่เหลือจะเหมือนกัน หากชุดโฆษณา 5
มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 18000
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนก็จะเสียงบประมาณไป 8000
curl \ -F 'name=Test Rebalance Rule' \ -F 'schedule_spec={ "schedule_type": "DAILY" }' \ -F 'evaluation_spec={ "evaluation_type": "SCHEDULE", "filters": [ { "field": "entity_type", "value": "ADSET", "operator": "EQUAL" }, { "field": "time_preset", "value": "LIFETIME", "operator": "EQUAL" }, ] }' \ -F 'execution_spec={ "execution_type": "REBALANCE_BUDGET", "execution_options": [ { "field": "rebalance_spec", "value": { "type": "MATCHED_ONLY_PROPORTIONAL", "target_field": "video_view" }, "operator": "EQUAL" }, ] }' \ -F "access_token=<ACCESS_TOKEN>" \ https://graph.facebook.com/<VERSION>/<AD_ACCOUNT_ID>/adrules_library