คู่มือการย้าย: MBE เวอร์ชั่น 2 ไปใช้ MBE เวอร์ชั่น 3

คู่มือนี้จะอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในการย้ายแอพธุรกิจที่มีอยู่บนส่วนขยาย Meta Business (MBE เวอร์ชั่น 2) เพื่อให้รองรับการใช้งานร่วมกับ MBE เวอร์ชั่น 3 ต่อจากนี้ MBE จะต้องได้รับการอัพเดตเหล่านี้และจะไม่สามารถใช้งานร่วมกับ API กราฟเวอร์ชั่นถัดไปได้

ประโยชน์หลักๆ ของ MBE เวอร์ชั่น 3

MBE เวอร์ชั่น 3 ช่วยให้ผู้พัฒนาแอพบุคคลที่สามทำสิ่งต่อไปนี้ได้

1. เสนอขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจ

2. ช่วยลดจำนวนการเลิกใช้

3. ช่วยให้ธุรกิจจัดการฟีเจอร์ต่างๆ ที่ต้องการเปิดใช้งานสำหรับแอพธุรกิจแต่ละแอพได้อย่างยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น ผู้ขายออนไลน์สามารถตั้งค่าฟีเจอร์การส่งข้อความในขั้นต้นได้ด้วยแอพธุรกิจ แล้วในภายหลังก็เลือกเปิดใช้งานร้านค้าบน Facebook ได้ด้วยแอพเดียวกัน นี่เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจด้วยฟีเจอร์ต่างๆ จาก FBE

4. รองรับธุรกิจหลากหลายประเภทในการผสานการทำงานของธุรกิจเข้ากับ FBE ตัวอย่างเช่น แอพของบุคคลที่สามสามารถเสนอการผสานการทำงานประเภทหนึ่งให้กับส่วนย่อยของธุรกิจที่ต้องใช้เฉพาะเครื่องมือสำหรับผู้ลงโฆษณาได้ และสามารถเสนอการผสานการทำงานอีกประเภทหนึ่งแยกต่างหากให้กับธุรกิจที่ต้องใช้เฉพาะเครื่องมือส่งข้อความได้

ก่อนที่คุณจะเริ่ม

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จัดการพาร์ทเนอร์ Meta ของคุณทราบว่าคุณกำลังทำการอัพเกรดนี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือคุณได้อย่างเหมาะสมในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ

ภาพรวม

คำศัพท์

ฟีเจอร์: การผสานการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่สามารถให้ผลลัพธ์แก่ธุรกิจของคุณ โดยการผสานการทำงานแต่ละอย่างจะมีข้อกำหนดการนำไปใช้งานที่ไม่เหมือนกัน และคุณสามารถกำหนดได้ว่ามีฟีเจอร์ใดบ้างที่คุณต้องการเปิดให้ใช้งาน ตัวอย่าง ได้แก่ page_cta, chat_plugin ฯลฯ โปรดดูรายการทั้งหมดในรายการฟีเจอร์นี้

หมวดหมู่: คือประเภทของธุรกิจ คุณสามารถผสานการทำงานเข้ากับ 1 หมวดหมู่ขึ้นไปได้โดยขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจที่คุณให้บริการ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าธุรกิจเดียวให้อยู่ใน 1 หมวดหมู่ขึ้นไปได้โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจนั้นๆ โปรดดูรายการทั้งหมดในรายการหมวดหมู่นี้

จุดมุ่งหมาย: จุดมุ่งหมายคือชื่อ MBE สำหรับกรณีการใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น จุดมุ่งหมาย CATALOG_ADS คือชื่อสำหรับกรณีการใช้งานที่อนุญาตให้แอพของคุณเรียกใช้โฆษณาแค็ตตาล็อก เพื่อซิงค์และโปรโมทสินค้าและบริการจากแค็ตตาล็อกของคุณ จุดมุ่งหมายจะปรากฏบนเมนูฟีเจอร์และแมพกับชุดฟีเจอร์ต่างๆ ที่ธุรกิจได้รับ

จุดมุ่งหมายที่ใช้เวอร์ชั่น 3 นั้นจะคล้ายกับ “ช่องทาง” จากเวอร์ชั่น 2 ไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าจุดมุ่งหมายในขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ แต่การกำหนดค่าจุดมุ่งหมายเอาไว้จะเป็นการแจ้งให้ผู้ค้าหรือผู้ลงโฆษณาของคุณดำเนินการเริ่มต้นใช้งานให้เสร็จเรียบร้อยตามจุดมุ่งหมายที่ระบุก่อน จึงจะเห็นจุดมุ่งหมายอื่นๆ ที่สามารถใช้ได้ในเมนูฟีเจอร์ หากไม่กำหนดค่าจุดมุ่งหมายไว้ในขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ ผู้ค้าหรือผู้ลงโฆษณาก็จะเห็นเมนูฟีเจอร์ของจุดมุ่งหมายที่มีอยู่ทั้งหมดสำหรับหมวดหมู่ของคุณ และก็จะได้เลือกจุดมุ่งหมายของตนเองเมื่อเริ่มการทำงานของ MBE

โปรดดูรายการทั้งหมดในรายการจุดมุ่งหมายตามหมวดหมู่ธุรกิจนี้

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเวอร์ชั่น 2 และเวอร์ชั่น 3

MBE เวอร์ชั่น 3 จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมและให้การควบคุมฟีเจอร์ที่ธุรกิจสามารถเปิดใช้งานได้ในระหว่างการเริ่มต้นใช้งาน ด้วยเหตุนี้ เราจึงกำลังอัพเกรด UI ของเราและกำลังเปลี่ยนแปลงการตอบกลับจาก Webhook และ API ของเราเพื่อแสดงให้เห็นรายละเอียดของฟีเจอร์ในระดับนี้

MBE จะแสดงเมนูฟีเจอร์ภายในขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานตามฟีเจอร์ที่คุณเลือกเปิดใช้งานและหมวดหมู่ที่คุณระบุสำหรับธุรกิจ ซึ่งธุรกิจสามารถเลือกฟีเจอร์ที่ต้องการติดตั้งได้ ธุรกิจสามารถจัดการฟีเจอร์เหล่านี้ได้ในมุมมองการจัดการ และเพิ่มรายการเพิ่มเติมได้โดยการป้อนขั้นตอนดังกล่าวในแพลตฟอร์มของคุณอีกครั้งหรือดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มมุมมองการจัดการ

คำแนะนำ

เนื่องจากชุดฟีเจอร์ที่ธุรกิจเปิดใช้งานเป็นแบบไดนามิกและเป็นทางเลือกเสริม เราจึงขอแนะนำให้คุณสร้างเฟรมเวิร์กสำหรับการเก็บบันทึกนี้ แต่ละธุรกิจควรดำเนินการต่อไปนี้

1. เก็บรายการฟีเจอร์ที่ได้เปิดใช้งานและองค์ประกอบที่เชื่อมโยงของฟีเจอร์นั้น
2. ทำการซิงค์กับ API ของ Meta เพื่อให้แน่ใจว่าบันทึกฟีเจอร์ที่เปิดใช้งานนี้ได้รับการอัพเดตและถูกต้อง

ข้อกำหนด

MBE เวอร์ชั่น 3 ช่วยให้ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจสามารถดำเนินการดังนี้ได้

• เลือกรับฟีเจอร์บางส่วนของแอพที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ได้

• เพิ่มหรือลบฟีเจอร์ออกได้เมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่กระทบกับฟีเจอร์อื่นๆ

ดังนั้นการผสานการทำงานของแอพจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ติดตามการอัพเดตต่างๆ ระบบจะส่ง Webhook ให้ทุกครั้งที่ธุรกิจดำเนินการขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์หรือมีการอัพเดตฟีเจอร์ที่ธุรกิจเปิดใช้งาน

2. เมื่อได้รับ Webhook แล้ว ให้ตรวจสอบว่าฟีเจอร์ใดบ้างที่เปิดใช้งานโดยการเรียกใช้ API การติดตั้ง FBE ในแต่ละครั้งที่ธุรกิจดำเนินการขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์ ธุรกิจจะสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้

3. ภายในแพลตฟอร์มของคุณ ให้อัพเดตบันทึกของฟีเจอร์ที่ได้เปิดใช้งานไว้สำหรับธุรกิจนี้

4. เปิดใช้งานแต่ละฟีเจอร์ตามรายละเอียดการนำไปใช้งานของพาร์ทเนอร์ในรายการฟีเจอร์ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดใช้งานหลายฟีเจอร์ที่ต้องมีแค็ตตาล็อกแยกของตัวเอง คุณต้องซิงค์แค็ตตาล็อกแต่ละรายการไว้เสมอ และดึงข้อมูลจาก API การกำหนดค่าฟีเจอร์หากจำเป็นต้องใช้ข้อมูลฟีเจอร์เพิ่มเติม

แอพของคุณไม่ควรคาดการณ์เอาเองว่าระบบจะส่งคืนองค์ประกอบทั้งหมดที่แอพของคุณรองรับ ตัวอย่างเช่น:

• ธุรกิจที่ตั้งร้านค้าจะสามารถดำเนินการเช่นนั้นได้โดยใช้แค่บัญชี Instagram ของตนเอง ด้วยเหตุนี้ แอพของคุณจึงไม่ควรกำหนดให้ธุรกิจตั้งค่าเพจเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

• ธุรกิจที่ตั้งค่าฟีดการสนทนาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาจะสามารถดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องตั้งค่าปุ่มกระตุ้นให้ดำเนินการ (CTA) บนเพจหรือ Instagram แอพของคุณไม่ควรกำหนดให้ธุรกิจตั้งค่าเพจหรือบัญชี Instagram เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

อัพเดตการผสานการทำงานของคุณเป็นเวอร์ชั่น 3

หัวข้อนี้จะอธิบายวิธีอัพเดตการผสานการทำงานของคุณด้วยการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับ MBE เวอร์ชั่น 3 เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้ว MBE เวอร์ชั่น 3 จะแตกต่างจาก MBE เวอร์ชั่น 2 เราจึงขอแนะนำให้คุณปฏิบัติตามแนวทางการนำไปใช้งานเหล่านี้เพื่อลดการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าฟีเจอร์และตอบกลับการอัพเดต

• อัพเดตขั้นตอน Webhook: ติดตาม Webhooks ที่ระบุว่าธุรกิจได้อัพเดตชุดฟีเจอร์ที่ธุรกิจต้องการเปิดใช้งานแล้ว

• อัพเดตการผสานการทำงานกับ API การติดตั้ง FBE: รับทราบว่าฟีเจอร์ใดบ้างที่ธุรกิจเปิดใช้งานโดยเรียกใช้ API การติดตั้ง FBE และอัพเดตบันทึกของคุณ

• อัพเดตการผสานการทำงานกับ API การกำหนดค่าฟีเจอร์: กำหนดค่าแต่ละฟีเจอร์และเรียกใช้ API การกำหนดค่าฟีเจอร์เพื่อดึงข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแต่ละฟีเจอร์เมื่อจำเป็น

ขั้นตอนที่ 2: กำหนดค่าฟีเจอร์ที่แอพรองรับ

ฟีเจอร์ต่างๆ ที่แสดงให้กับผู้ค้าของคุณในเมนูฟีเจอร์ คือฟีเจอร์ที่คุณกำหนดค่าภายในแผงควบคุมสำหรับผู้พัฒนา MBE

ขั้นตอนที่ 3: กำหนดค่าหมวดหมู่

เมื่อกำหนดค่าหมวดหมู่ ให้แน่ใจว่าคุณส่งหมวดหมู่ที่เหมาะสมให้กับแต่ละธุรกิจในการกำหนดค่าเพิ่มเติมในส่วน business_vertical ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจคือร้านทำผม ให้ส่ง ‘APPOINTMENTS’ หากธุรกิจคือร้านขายสินค้า ให้ส่ง ‘ECOMMERCE'

หากธุรกิจมีมากกว่า 1 หมวดหมู่ ให้ส่งหมวดหมู่ที่แตกต่างกันให้กับจุดเข้าใช้งานแต่ละจุดในแพลตฟอร์มของคุณ (โดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ธุรกิจพยายามที่จะบรรลุผล) ตัวอย่างเช่น หากร้านทำผมมีทั้งการนัดหมายและขายสินค้าเกี่ยวกับเส้นผม คุณสามารถส่ง ‘APPOINTMENTS’ จากจุดเข้าใช้งาน 1 และ ‘ECOMMERCE’ จากจุดเข้าใช้งาน 2 ได้ จุดเข้าใช้งานแต่ละจุดจะต้องมีฟีเจอร์เฉพาะตามหมวดหมู่เป็นของตัวเอง ซึ่งมีการกำหนดค่าให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง

หากใช้ external_id เดียวกัน ผู้ค้าหรือผู้ลงโฆษณาที่ดำเนินการผ่านทั้งสองหมวดหมู่เพื่อทำการเริ่มต้นใช้งานจะถูก "กำหนด" ให้กับตัวจัดการธุรกิจเดียวกันสำหรับแต่ละหมวดหมู่ องค์ประกอบ (เพจ พิกเซล แค็ตตาล็อก) จากหมวดหมู่แรกที่ผู้ค้าเริ่มต้นใช้งานด้วยจะถูกเลือกไว้ล่วงหน้าในหมวดหมู่ที่สอง แต่ผู้ค้าจะสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกองค์ประกอบคนละองค์ประกอบกับหมวดหมู่ที่สองหรือไม่ ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ผู้ค้าติดตั้งสามารถอ่านได้จาก API การกำหนดค่าฟีเจอร์

ขั้นตอนที่ 4: การเปลี่ยนแปลง UI

ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานที่อัพเดตแล้ว (การเริ่มต้นใช้งานแบบพื้นฐาน) จะแสดง "เมนูฟีเจอร์" โดยเมนูนี้จะแสดงรายการจุดมุ่งหมายต่างๆ ที่เป็นชุดฟีเจอร์ตั้งแต่ 1 ฟีเจอร์ขึ้นไปที่คุณได้เปิดใช้งานให้กับธุรกิจ ธุรกิจสามารถเลือกได้ว่าต้องการจะติดตั้งจุดมุ่งหมายใดบ้าง หากคุณต้องการให้ธุรกิจติดตั้งจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน แล้วค่อยดูเมนูฟีเจอร์ ให้ส่งพารามิเตอร์ intent ในอ็อบเจ็กต์ setup คุณสามารถเลือกได้จากรายการจุดมุ่งหมายสำหรับพารามิเตอร์นี้ หากคุณต้องการทดลองเกี่ยวกับการอัพเดต UI หรือไม่ต้องการใช้ UI ที่อัพเดตใหม่นี้ พารามิเตอร์ use_minimal_onboarding ในอ็อบเจ็กต์ flow_config จะกำหนด UI ที่จะแสดง โดย Use_minimal_onboarding ที่ตั้งค่าเป็น false จะเก็บ UI ของ MBE เวอร์ชั่น 2 เอาไว้

ขั้นตอนที่ 5: มุมมองการจัดการ

มุมมองการจัดการเวอร์ชั่น 3 จะแสดงฟีเจอร์ทั้งหมดที่ธุรกิจได้ติดตั้งไว้ รวมถึงลิงก์ที่นำไปติดตั้งฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ เราได้อัพเดตลิงก์ที่นำไปยังมุมมองการจัดการเป็นดังนี้

<a href=”https://business.facebook.com/latest/business_app_store/manage_external_business_connection?asset_id=<page_id>&business_id=<business_id>&app_id=<app_id>&external_business_id=<external_business_id>"><button>Launch Management View</button></a>

ขั้นตอนที่ 6: เปิดใช้งานการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์

ในการเปิดใช้งานการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เหล่านี้ คุณจะต้องอัพเดต API ต่อไปนี้

การอัพเดต Webhook

ระบบจะส่ง Webhook ให้ทุกครั้งที่มีการติดตั้งและถอนการติดตั้งและจะมีเฉพาะฟีเจอร์ที่ธุรกิจได้ติดตั้งไว้เท่านั้น

สำหรับการถอนการติดตั้ง ระบบจะส่ง Webhook ที่มีการตอบกลับซึ่งมีเฉพาะฟีเจอร์ที่ติดตั้งเท่านั้น (กล่าวคือ ไม่รวมฟีเจอร์ที่ถอนการติดตั้ง) ในแต่ละครั้งที่ระบบส่ง Webhook ให้ ให้ดึงข้อมูลจาก API การติดตั้ง FBE เพื่อดูแหล่งที่มาของข้อเท็จจริง

การตอบกลับ

{
  "data": [{
    "ad_account_id": "<ad_account_id>",
    "business_manager_id": "<business_manager_id>",
    "catalog_id": "<catalog_id>",
    "commerce_merchant_settings_id": "<commerce_merchant_settings_id>",
    "onsite_eligible": true,
    "profiles": [
      "<page_id>",
      "<instagram_profile_id>"
    ],
    "pages": [
      "<page_id>"
    ],
    instagram_profiles": [
"<instagram_profile_id>"
    ],
    "pixel_id": "<pixel_id>",
    "token_type": "<token_type>",
    "installed_features": [
        {
            "feature_instance_id": "<unique_id>",
            “feature_name” : string, 
            "feature_type": enum,
            "connected_assets": {
                “ad_account_id”: "<ad_account_id>",
                “business_manager_id”: "<business_manager_id>",
                “catalog_id”: "<catalog_id>",
                “commerce_merchant_settings_id”: "<commerce_merchant_settings_id>",
                “ig_profile_id”: "<instagram_profile_id>"               
                "page_id": "<page_id>",
                "pixel_id": "<pixel_id>",
            },
            “additional_info”: {
               “onsite_commerce_eligible”: bool
            }
        }
    
  }]
}

ช่องการตอบกลับ

การอัพเดต API การติดตั้ง FBE

รูปแบบ API ที่อัพเดตแล้วจะส่งรายการของแต่ละฟีเจอร์ที่ธุรกิจเปิดใช้งานให้ รวมถึงองค์ประกอบที่เชื่อมต่อสำหรับแต่ละฟีเจอร์ด้วย การเปลี่ยนแปลงหลักคือการเพิ่มช่อง installed_features เข้ามา เพย์โหลดนี้เหมือนกับการตอบกลับจาก Webhook

หลังจากได้รับ Webhook แล้ว ให้ทำตามขั้นตอนที่แนะนำต่อไปนี้

1. เรียกใช้ API การติดตั้ง FBE ด้วย ID ของธุรกิจภายนอกและโทเค็นการเข้าถึงที่ได้รับ API นี้จะมีแหล่งที่มาของข้อเท็จจริงสำหรับฟีเจอร์ที่ติดตั้งและองค์ประกอบที่เชื่อมต่อของฟีเจอร์นั้น เก็บบันทึกที่เหมาะสมของการกำหนดค่าฟีเจอร์เหล่านี้ไว้

2. เปิดใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้สำหรับธุรกิจนั้น (รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับความหมายของ "การเปิดใช้งาน" อยู่ในตารางรายการฟีเจอร์) และดึงข้อมูลที่จำเป็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์จาก API การกำหนดค่าฟีเจอร์

ตัวอย่างโค้ดต่อไปนี้แสดงตัวอย่างคำขอที่ส่งไปยัง API การติดตั้ง FBE และการตอบกลับจาก API ที่สอดคล้องกัน ภายในการตอบกลับ ช่องเวอร์ชั่น 3 ที่เพิ่มเข้ามาจะได้รับการไฮไลท์

คำขอ

CURL -X GET 
'https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/fbe_business/fbe_installs?fbe_external_business_id=<fbe_external_business_id>&access_token=<access_token>'

การตอบกลับ

{
  "data": [{
    "ad_account_id": "<ad_account_id>",
    "business_manager_id": "<business_manager_id>",
    "catalog_id": "<catalog_id>",
    "commerce_merchant_settings_id": "<commerce_merchant_settings_id>",
    "onsite_eligible": true,
    "profiles": [
      "<page_id>",
      "<instagram_profile_id>"
    ],
    "pages": [
      "<page_id>"
    ],
    "instagram_profiles": [
      "<instagram_profile_id>"
    ],
    "pixel_id": "<pixel_id>",
    "token_type": "<token_type>",
<!--UPDATES BELOW-->
    "installed_features": [
        {
            "feature_instance_id": "<unique_id>",
            “feature_name” : string, 
            "feature_type": enum,
            "connected_assets": {
                “ad_account_id”: "<ad_account_id>",
                “business_manager_id”: "<business_manager_id>",
                “catalog_id”: "<catalog_id>",
                “commerce_merchant_settings_id”: "<commerce_merchant_settings_id>",
                “ig_profile_id”: "<instagram_profile_id>"               
                "page_id": "<page_id>",
                "pixel_id": "<pixel_id>",
            },
            “additional_info”: {
               “onsite_commerce_eligible”: bool
            }
        }
    ]
  }]
}

การอัพเดตการตอบกลับจาก API การกำหนดค่าฟีเจอร์

รูปแบบที่อัพเดตแล้วจะมี ID อินสแตนซ์ของฟีเจอร์รวมอยู่ด้วยสำหรับแต่ละฟีเจอร์ รวมถึงช่องใหม่ที่มีอาร์เรย์ของฟีเจอร์ทั้งหมดของประเภทนั้นๆ ที่ธุรกิจได้ติดตั้งไว้ (เช่น CTA หลายรายการบนเพจ)

สำหรับฟีเจอร์ที่ปรับแต่งไม่ได้จะอธิบายไว้ในรายการฟีเจอร์ โดยจะแสดงเฉพาะ ID อินสแตนซ์ของฟีเจอร์และการรายงานปัญหาที่เปิดใช้งานไว้เท่านั้น คุณสามารถอัพเดตได้เฉพาะฟีเจอร์ที่ปรับแต่งได้โดยใช้คำขอ POST

รูปแบบนี้จะแตกต่างจาก API การติดตั้ง FBE เนื่องจากรูปแบบนี้จะให้ข้อมูลฟีเจอร์เพิ่มเติม นอกเหนือจากองค์ประกอบที่เชื่อมต่อ รวมถึงสถานะที่เปิดใช้งานและการปรับแต่งฟีเจอร์ที่เฉพาะเจาะจง หลังจากเรียกใช้ API การติดตั้ง FBE แล้ว ให้ใช้ API นี้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะที่เปิดใช้งานหรือการกำหนดค่าของฟีเจอร์

อ่าน

คุณสามารถอ่านสถานะการกำหนดค่าฟีเจอร์ปัจจุบันของธุรกิจใดก็ได้ด้วยคำขอต่อไปนี้

CURL -X GET 
'https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/fbe_business/?fbe_external_business_id=<fbe_external_business_id>&access_token=<access_token>'

อัพเดต

ในการอัพเดตฟีเจอร์ทั้งหมด ให้ใช้คำขอ POST ต่อไปนี้

CURL -i -X POST \   
  -F 'fbe_external_business_id=<fbe_external_business_id>' \
  -F 'business_config={business_config object}' \
  -F 'access_token=<access_token>' 
  "https://graph.facebook.com/<API_VERSION>/fbe_business"

การตอบกลับ

{
  "page_cta": {
     "feature_instance_id": id1,
     "enabled": true,
     "cta_button_text": "Book Now",
     "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business1",
     "below_button_text": "Powered by FBE Partner"
  },
  "page_ctas": [
    {
        "feature_instance_id": id1,
        "enabled": true,
        "cta_button_text": "Book Now",
        "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business1",
        "below_button_text": "Powered by FBE Partner"
    },
    {
        "feature_instance_id": id2,
        "enabled": true,
        "cta_button_text": "Book Now",
        "cta_button_url": "https://partner-site.com/foo-business2",
        "below_button_text": "Powered by FBE Partner"
    }
  ],
  “ig_cta”: {...}
  "ig_ctas": [{...}, {...}],
  “ads”: [
    {
      "feature_instance_id": id3,
      “enabled”: true,
    },
    {
      "feature_instance_id": id4,
      “enabled”: true,
    },
  ],
  ...
}

การทดสอบ

สิ่งที่คุณจะต้องส่งให้กับตัวแทน Meta ของคุณก่อนการทดสอบมีดังต่อไปนี้

1. ฟีเจอร์ที่คุณต้องการเปิดใช้งาน

2. ID ผู้ใช้ของบุคคลที่ต้องการทดสอบขั้นตอน

3. ID ของแอพทดสอบของคุณเพื่อให้เราสามารถระบุแอพนั้นไว้ในรายการที่อนุญาตสำหรับเวอร์ชั่น 3 ได้

4. มอบบทบาทให้ตัวแทน Meta ของคุณในแอพทดสอบหากคุณต้องการความช่วยเหลือในการทดสอบ

ในการทดสอบการเปลี่ยนแปลงของเวอร์ชั่น 3 เหล่านี้ ให้ดำเนินขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานและทำการตรวจสอบดังต่อไปนี้

1. คุณได้รับ Webhook แล้วเมื่อทำการติดตั้งและถอนการติดตั้ง

2. Webhook, API การติดตั้ง และ API การกำหนดค่าฟีเจอร์มีการอัพเดตตามที่ระบุข้างต้นแล้ว (แสดงฟีเจอร์ที่ติดตั้งและฟีเจอร์ที่ถอนการติดตั้งอย่างถูกต้อง)

3. เมนูฟีเจอร์สอดคล้องกับฟีเจอร์ที่คุณต้องการให้ธุรกิจของคุณติดตั้ง (ตามหมวดหมู่)

คุณสามารถทดสอบขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานได้โดยดำเนินการต่อไปนี้

1. ดำเนินการเข้าสู่ระบบธุรกิจ

2. ดำเนินการผ่านแอพธุรกิจ (ถ้ามี)

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณส่งอ็อบเจ็กต์การกำหนดค่าธุรกิจที่ถูกต้องสำหรับฟีเจอร์ที่คุณต้องการ และส่ง UI ที่คุณต้องการเห็นในการเข้าสู่ระบบธุรกิจและแอพธุรกิจแล้ว

รายการฟีเจอร์

MBE เวอร์ชั่น 3 เสนอฟีเจอร์ต่อไปนี้ซึ่งคุณสามารถเปิดใช้งานให้กับธุรกิจของคุณได้ ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้สามารถระบุเข้าไปได้ผ่าน API การติดตั้ง FBE (ในระหว่างขั้นตอนการติดตั้ง) แต่ตามที่ระบุไว้ในตาราง มีเพียงบางฟีเจอร์เท่านั้นที่สามารถกำหนดค่าได้ผ่าน API การกำหนดค่าฟีเจอร์ (หลังจากที่ผู้ค้าหรือผู้ลงโฆษณาติดตั้ง MBE แล้ว)

โค้ดตัวอย่างสำหรับ messenger_chat

<div class="fb-customerchat"
            page_id=PAGE_ID 
</div>

รายการหมวดหมู่

ระบุหมวดหมู่ที่แอพของคุณมี ดังนี้

จุดมุ่งหมาย (กรณีการใช้งาน) ตามแนวตั้ง

โฆษณา

ชิ้นงานโฆษณา

อีคอมเมิร์ซ

การนัดหมาย

การจอง

อาหารและเครื่องดื่ม

โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม

การวัดผลและการปรับให้เหมาะสม

การผสานการทำงานของข้อมูล