เอกสารนี้นี้ได้รับการอัพเดตแล้ว
คำแปลเป็น ภาษาไทย ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ภาษาอังกฤษที่อัพเดต: 23 มิ.ย. 2022

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Audience Network

ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือ Audience Network เพื่อดูคำแนะนำและขั้นตอนการทำงานกับ Audience Network เพิ่มเติม

การนำไปใช้งาน

ก่อนปล่อยแอพของคุณไปยัง Store การทดสอบว่าการรวมทำงานได้โดยสมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก โปรดอ่านคู่มือ ของเราเกี่ยวกับการทดสอบการนำไปใช้ของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถทำตามคู่มือการเริ่มต้นใช้งาน หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการผสานการทำงาน เมื่อเราทำการตรวจพิจารณาแอพของคุณแล้ว คุณจะสามารถแสดงโฆษณาจริงได้โดยอัตโนมัติ

เมื่อได้รับคำขอโฆษณา SDK จะส่งข้อมูลตัวระบุอุปกรณ์ (IDFA บน iOS และ ID ผู้ลงโฆษณาบน Android) ไปยัง Facebook เพื่อให้เราสามารถระบุโฆษณาที่เหมาะสมได้ ไม่มีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลกลับไปยังผู้ลงโฆษณาพร้อมกับโฆษณา

คุณสามารถผสานการทำงานของ Audience Network SDK ในแอพที่กำหนดเป้าหมายเป็น iOS 9 ขึ้นไป

Audience Network SDK เวอร์ชั่นล่าสุดสามารถผสานการทำงานกับแอพที่กำหนดเป้าหมายเป็น API เวอร์ชั่น 15 ของ Android SDK และเวอร์ชั่นใหม่กว่าในระบบปฏิบัติการ Android

Yes, the Audience Network delivers ads for publishers using Unity within their iOS and Android app. The Unity SDK supports all of the format supported by the iOS and Android SDKs.

ใช่ คุณสามารถใช้งานโฆษณาจากคลาสที่ไม่ใช่กิจกรรมได้ ตราบเท่าที่คลาสนั้นมีการอ้างอิงไปยังกิจกรรมที่มีอยู่ คุณต้องส่งต่อกิจกรรมนี้เป็นพารามิเตอร์เมื่อทำการสร้างอินสแตนซ์ของโฆษณา

Most mediation services have an option to integrate with 3rd party networks using adapters. The following describes the steps needed to setup such integrations:

  1. Add our SDK to your app
  2. Create a Placement ID on the Facebook app settings page. If you use a banner, make sure to select "None" as the refresh interval. The mediation layer will control the automatic refresh.
  3. Add or code the adapter according to your mediation service instructions. These can be either pre-built adapters (see below for Mopub, Admob and DFP) or a custom adapter that you will need to develop.
  4. Configure the adapter name and placement ID in your mediation server UI and allocate impressions to it

See tips for how to get more fill and revenue when using mediation.

ข้อผิดพลาดนี้หมายความว่าเราไม่สามารถนำเสนอโฆษณาให้กับบุคคลนี้ได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุผล ได้แก่:

  • บุคคลที่ทำการทดสอบไม่ได้เข้าสู่ระบบแอพ Facebook แบบเนทีฟบนอุปกรณ์มือถือของตน
  • คุณได้แจ้งให้ Facebook ทราบผ่านทางแฟล็ก setAdvertiserTrackingEnabled เพื่อไม่ให้แสดงโฆษณาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ใช้ผ่าน Audience Network
  • บุคคลดังกล่าวไม่ได้ให้สิทธิ์การอนุญาตแก่ Facebook ในการใช้กิจกรรมของตนที่แอพและเว็บไซต์อื่นๆ ส่งให้กับ Facebook เพื่อปรับแต่งโฆษณาที่ Facebook แสดงให้กับบุคคลนั้น
  • เราไม่มีคลังโฆษณาที่จะแสดงแก่บุคคลดังกล่าว

โปรดทราบว่าหากคุณเห็นโฆษณาจริงระหว่างที่คุณกำลังดำเนินการทดสอบตามคู่มือการทดสอบของเรา แสดงว่าการใช้งานของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้อง และผู้คนจะเห็นโฆษณาในแอพของคุณได้เมื่อทำการเผยแพร่

  • ชื่อ: สูงสุด 30 ตัวอักษร
  • รูปภาพหน้าปก: 1200x627 พิกเซล
  • ไอคอน: ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 128 พิกเซล
  • บริบททางโซเชียล: 30 ตัวอักษร
  • หัวเรื่องสำหรับปุ่ม (การกระตุ้นให้ดำเนินการ): ไม่เกิน 20 ตัวอักษร
  • เนื้อเรื่อง: 90 ตัวอักษร
  • การให้คะแนน: 5
  • คะแนนต่ำสุด/สูงสุด: 1/5

ในการโหลดโฆษณาชิ้นใหม่ ให้สร้างอินแสตนซ์ใหม่ของ NativeAd

Yes, ads can be cached and re-used for up to 60 minutes. If you plan to use the ad after this time period, make a call to load a new ad. After this time passes, if the person has not clicked the ad, you must request a new ad.

หลังจากผสานรวม SDK ของเราเข้ากับแอพ iOS ของคุณแล้ว คุณจะต้องส่งแอพของคุณให้ Apple ตรวจสอบ โดยระบบจะถามคุณว่าแอพของคุณใช้ตัวระบุการโฆษณา (IDFA) หรือไม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบ โปรดเลือก "ใช่" จากนั้นระบบจะถามว่าแอพของคุณใช้งานตัวระบุการโฆษณาอย่างไร คำถามมีลักษณะดังนี้:

แอพนี้ใช้ตัวระบุการโฆษณาเพื่ออะไร (เลือกทุกข้อที่เกี่ยวข้อง)

  • นำเสนอโฆษณาภายในแอพ
  • ระบุว่าการติดตั้งแอพนี้มาจากโฆษณาที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
  • ระบุว่าการดำเนินการภายในแอพนี้มาจากโฆษณาที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้

หากคุณจะใช้กรอบการทำงาน Audience Network คุณต้องเลือกตัวเลือกแรก หากคุณใช้กรอบการทำงานหลักของเราเพื่อติดตามการระบุที่มาของการติดตั้งและเหตุการณ์ในแอพ โปรดเลือกตัวเลือกที่สองและตัวเลือกที่สาม หากคุณใช้กรอบการทำงานทั้งสอง ให้เลือกทั้งสามตัวเลือก

ใช่ Audience Network SDK สำหรับ Android ใช้ ID การโฆษณาและเคารพตัวเลือกการจำกัดการติดตามดังที่ระบุในเงื่อนไขและข้อตกลงของ Google Play เราแนะนำ (แต่ไม่บังคับ) ให้คุณตั้งค่าโปรเจ็กต์ของคุณด้วยบริการ Google Play การสร้างแอพของคุณด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ประสิทธิภาพเชิงเทคนิคดียิ่งขึ้นเมื่อใช้งาน Audience Network

1, What is the purpose of this guide?


This guide is intended to help mobile app developers and ad operation personals to validate ad request/response to and from Audience Network in cases such as:

  • Hassles for adding debugging code and investigating mobile device log
  • No clues for missing ad requests or impressions from dashboard
  • Audience Network ad requests are communicated between Audience Network SDK and Audience Network ad server through HTTPS. Testing and confirming ad requests and responses from the HTTPS network activity is the primary and direct step among many other steps.


    2, How to setup Charles Proxy?


    One of the tools to log the ad requests and responses information from the HTTPS is Charles, a web debugging proxy application https://www.charlesproxy.com.

    Charles is an HTTP proxy / HTTP monitor / Reverse Proxy that enables a developer to view all of the HTTP and SSL / HTTPS traffic between their machine and the internet. This includes requests, responses and the HTTP headers (which contain the cookies and caching information).

    It is found that Charles SSL Proxying is very useful and required for viewing all HTTPS ad requests traffic between iOS and Android app and FAN server.

    The SSL Proxying (https://www.charlesproxy.com/documentation/proxying/ssl-proxying/) shows how to setup Charles for iOS and Android device, and host machine running Windows and Mac OS.

    Once SSL Proxying is setup and tested properly, make sure Charles is able to proxy SSL requests and see request/response content.


    3, How to look up ad requests?


    3.1 Setup SSL Proxy for Audience Network

    Update Charles Proxy / SSL Proxying setting by adding Host: “graph.facebook.com” and Port: “8888”, Host: “graph.facebook.com” and Port: “443”.

    3.2 Read SSL Proxy request / response content for Audience Network

    Go to your mobile app and make ad requests, you should see ad request going to FAN server: https://graph.facebook.com/network_ads_common/ and ad response in JSON text form within HTTPS response contents.

    3.3 Confirming ad request sent to and received from Audience Network

    Ad request can be verified if the ad is filled successfully or returned with no fill based on the “code” in the JSON form. “Code” is “0” indicates the request is returned or filled with an ad, “code” is “1001” means no ad is available for the request and app can make another request after passing the specific time limit.

    Below is an example of successful ad response:

    { "type": "ads", "code": 0, "placements": [{ "definition": { "placement_id": "148789268824369_851969285173027", "type": "rewarded_video", "refresh": "0", "refresh_threshold": "-1", "min_viewability_percentage": "1", "viewability_check_ticker": "0", "viewability_check_interval": "100", "viewability_check_initial_delay": "0", "video_time_polling_interval": "200", "cacheable": true, "client_max_retry_count": "1", "invalidation_duration_in_seconds": "3600", "request_timeout": "30000" }, … }

    3.4 Unable to observe an SSL Proxy request for Audience Network

    If no entry point is observed from Charles Proxy for Audience Network end-point (https://graph.facebook.com/network_ads_common/), it should suggest that the primary reason is the mobile app did not make any ad requests to Audience Network server. For this case, re-examining the app integration and app logic is required for mobile developer or ad operation personal.

    4, What is the next step?

    This guide should help you through testing, troubleshooting ad request/response issues with Audience Network.

    If you have further questions on how to use this guide or unanswered questions on ad request/response, please contact our publisher support portal at https://www.facebook.com/business/publishersupport.

    • โทเค็นการเข้าถึงผู้ใช้ระบบ: ใช้เพื่อส่งคำขอไปยัง API ของ Facebook ในนามของแอพ
    • ID ตำแหน่งการจัดวาง: ตัวระบุของ Audience Network ที่ไม่ซ้ำกันสำหรับตำแหน่งการจัดวางโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงในแอพ
    • ID ของแอพ: ID ตำแหน่งการจัดวางจะมีตัวเลขบางส่วนมาจาก ID ของแอพ ตัวอย่างเช่น ใน ID ตำแหน่งการจัดวาง 1234567898765432_9876543212345678 หมายเลขที่อยู่หน้าขีดล่างคือ ID ของแอพ
    • ID ทรัพย์สิน: ตัวระบุของ Audience Network ที่ไม่ซ้ำกันของแอพ คุณสามารถใช้ ID ทรัพย์สินเดียวกันบนหลายแพลตฟอร์มได้ ตัวอย่างเช่น Android และ iOS

    นโยบายผู้เผยแพร่

    หากต้องการมั่นใจว่าผู้ใช้แอพของคุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด โปรดปฏิบัติตามนโยบาย Audience Network ของเราเมื่อทำการรวมโฆษณาของคุณ

    เราขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธ อนุมัติ หรือลบโฆษณาใดๆ ออกด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตามดุลยพินิจของเราแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งรวมถึงผู้เผยแพร่ที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความสัมพันธ์ของเรากับผู้ใช้ หรือที่โปรโมทเนื้อหา บริการ หรือกิจกรรมที่ขัดต่อตำแหน่งในการแข่งขัน ผลประโยชน์ หรือปรัชญาการโฆษณาของเรา แนวทางปฏิบัติเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ

    In order to ensure that our publishers are offering a high quality advertising experience, we require that all apps serving Facebook ads are in compliance with our Audience Network policies.

    All apps in our network will be reviewed by automated systems as well as manually checked for quality and compliance. We will have on-going quality review to ensure continued adherence to our policies and Audience Network design guidelines.

    ที่ Facebook เราเชื่อว่าโฆษณาควรสนับสนุนและสอดคล้องกับประสบการณ์ในการใช้งานโดยรวมของผู้ใช้ เรามุ่งมั่นดำเนินงานตามเป้าหมายนี้ ทั้งบน Facebook และใน Audience Network

    โฆษณาทั้งหมดที่แสดงใน Audience Network จะมีสิทธิ์ในการแสดงบน Facebook ด้วย ซึ่งหมายความว่าโฆษณาเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามนโยบายในการโฆษณาที่เข้มงวดของ Facebook และผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างเข้มงวดทั้งก่อนการเริ่มแสดงโฆษณาและหลังการแสดงโฆษณา พูดอีกอย่างหนึ่งคือ Facebook ช่วยปกป้องพาร์ทเนอร์ผู้เผยแพร่ของเราด้วยมาตรการแบบเดียวกันกับที่ใช้บนเว็บไซต์ของเราเองทุกประการ คุณสามารถดูนโยบายในการโฆษณาของเราได้ที่นี่ นโยบายเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าโฆษณามีคุณภาพสูง ปลอดภัยต่อแบรนด์ และปฏิบัติตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ทั้งหมด

    เราทราบดีว่าอาจมีกรณีที่คุณไม่ต้องการให้โฆษณาบางชิ้นหรือโฆษณาบางประเภทแสดงในแอพของคุณ ไม่ว่าโฆษณานั้นจะเป็นไปตามนโยบายของเราหรือไม่ ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้เผยแพร่บน Audience Network คุณจะสามารถกรองผู้ลงโฆษณาหรือหมวดหมู่ของผู้ลงโฆษณาที่เฉพาะเจาะจง (เช่น โฆษณาเกี่ยวกับการเมือง) ออกจากแอพของคุณได้ตามความเหมาะสม

    เรียนรู้วิธีจำกัดว่าผู้ลงโฆษณาใดที่สามารถแสดงโฆษณา บนแอพหรือเว็บไซต์ของคุณ

    ประสิทธิภาพการทำงาน

    โฆษณาจะมีลักษณะคล้ายกับโฆษณาบนมือถือที่เราแสดงบน Facebook อยู่ในปัจจุบันอย่างมาก การคลิกบนโฆษณาจะเป็นการนำผู้ใช้เข้าไปยัง App Store เพื่อดาวน์โหลดแอพ เปิดเว็บเพจในเบราว์เซอร์หรือเปิดแอพที่มีอยู่เดิมในโทรศัพท์ของผู้ใช้ โฆษณาเหล่านี้จะประกอบไปด้วยโฆษณาแบนเนอร์ โฆษณาแทรก และโฆษณาแบบเดิมที่ตรงกับตำแหน่งการจัดวางที่คุณเลือกในแอพของคุณ โฆษณาเหล่านี้จะมีองค์ประกอบแบบเดียวกับโฆษณามาตรฐานบน Facebook

    เรียนรู้เพิ่มเติมว่าโฆษณาใดที่สามารถแสดงบน Audience Network และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนโต้ตอบ

    ผู้เผยแพร่จะไม่ได้รับรายชื่อของผู้ลงโฆษณาไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น รวมถึงในรายงานของผู้เผยแพร่ด้วย โฆษณาที่แสดงในแอพของผู้เผยแพร่จะผ่านการพิจารณาโดย Facebook และจะเป็นไปตามแนวทางในการโฆษณาของ Facebook

    ไม่แน่นอน ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น กลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวางโฆษณา และแคมเปญการโฆษณาที่ตรงกับฐานผู้ใช้ของคุณ

    อัตราการแสดงโฆษณาเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป เพราะเครือข่ายของเรามีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ปัจจัยต่างๆ อาทิ ข้อมูลทางประชากรศาสตร์และข้อมูลภูมิศาสตร์ของฐานผู้ใช้ และความต้องการของผู้ลงโฆษณา อาจเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบต่อจำนวนของโฆษณาที่จะได้แสดงในแอพของคุณ

    หากคุณเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในอัตราการแสดงโฆษณาของคุณ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า:

    • การดำเนินการของคุณถูกต้อง
    • คุณได้เพิ่มคุณสมบัติมือถือทั้งหมด (แอพและเว็บไซต์บนมือถือ) ในแท็บ “แอพและเว็บไซต์” แล้ว และได้รับอนุมัติจาก Audience Network แล้ว
    • คุณไม่ได้เพิ่มตัวกรองเพิ่มเติม
    • คุณกำลังใช้งาน SDK เวอร์ชั่นล่าสุด
    • คุณไม่ได้ทำการส่งคำขอโฆษณาถี่เกินไป (เช่น ส่งคำขอโฆษณาสำหรับ ID ตำแหน่งการจัดวางโฆษณาเดิมหลายครั้งภายในระยะห่างน้อยกว่า 15 วินาที)

    Ad refresh is not supported by Facebook Audience Network. In addition, disableAutoRefresh is deprecated from FBAdView (iOS) and AdView (Android) in the 4.99 release and above.

    ใช้แท็บ “ตัวกรอง” ในส่วน “Audience Network” เพื่อคัดกรองแอพที่คุณไม่ต้องการให้แสดงโฆษณาในแอพของคุณออกไป คุณยังสามารถยกเว้นโดเมนเว็บได้หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงในเว็บไซต์หนึ่งๆ ได้ด้วย

    นอกจากข้างต้นแล้ว Audience Network ยังจะตรวจจับแอพพลิเคชั่นมือถือที่คุณได้เพิ่มในการตั้งค่าแอพ Facebook แล้วอีกด้วย (developers.facebook.com/apps/[YOUR_APP_ID]>/settings/)

    โปรดทราบว่าการทำให้จำกัดมากเกินไปอาจส่งผลต่อการแสดงโฆษณาและอาจเป็นการลดอัตราการแสดงโฆษณาได้

    Facebook ตั้งเป้าหมายในการมอบ ROI ที่มีมูลค่าสูงสำหรับผู้ลงโฆษณาบน Audience Network โดยการทำให้มั่นใจว่าจำนวนคลิกที่ได้รับเป็นการคลิกจริงและมีเจตนาในการคลิกจริง เรามีมาตรการที่เฉียบขาดในการจัดการกับการปลอมแปลงคลิกโดยผู้เผยแพร่ และจะทำการแบนผู้เผยแพร่รายดังกล่าวทันทีที่เราตรวจพบกรณีการปลอมแปลง เราจะเฝ้าดูการคลิกและอิมเพรสชั่นทั้งหมดที่ให้บริการบน Audience Network อย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบรูปแบบของการคลิกปลอม เราจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ลงโฆษณาและไม่จ่ายเงินแก่ผู้เผยแพร่สำหรับจำนวนคลิกที่เราพิจารณาว่าเป็นโมฆะ

    อัตราการแสดงโฆษณาคำนวณโดยใช้จำนวนโฆษณาที่ได้แสดงทั้งหมดหารด้วยจำนวนคำขอโฆษณาที่ตรงตามเกณฑ์ กรณีที่คำขอจะไม่นับรวมในการคำนวณคือ

    • คำขอโฆษณามีความถี่มากเกินไป ตัวอย่างเช่น หากคุณทำการส่งคำขอโฆษณาสำหรับ ID ตำแหน่งการจัดวางโฆษณาเดิมในระยะเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 15 วินาที
    • IDFA (iOS) และ ID การโฆษณา (Android) ไม่พร้อมใช้งานหรือไม่สามารถใช้เพื่อแสดงโฆษณาได้
    • ไม่มีการติดตั้ง Facebook บนแอพที่ทำการส่งคำขอ หรือผู้ใช้ไม่ได้เข้าสู่ระบบ

    รายงาน

    เพิ่มสมาชิกในทีมของคุณ เป็นผู้ดูแลหรือผู้ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อมอบสิทธิ์การเข้าถึงการรายงานแก่สมาชิก ในการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงการมอบหมายบทบาท ให้ไปที่การตั้งค่าแอพ Facebook ของคุณแล้วเลือกส่วน "บทบาท"

    คุณสามารถดูรายงานได้โดยการไปที่ส่วน "Audience Network" ในการตั้งค่าแอพแล้วเลือกแท็บ “ประสิทธิภาพ” รายงานจะแสดงภาพรวมของประสิทธิภาพรวมถึงรายละเอียดประสิทธิภาพในช่วงระยะเวลาที่ระบุด้วย คุณสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยใช้ข้อมูลประเทศและโดย ID ตำแหน่งการจัดวาง

    สำหรับรายละเอียดประวัติการชำระเงินและการรับชำระเงิน ให้ไปที่ส่วน "Audience Network" แล้วเลือกแท็บ "การรับชำระเงิน"

    เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ลงโฆษณาเฉพาะรายในรายงานของคุณ หากคุณต้องการกรองผู้ลงโฆษณาหรือหมวดหมู่ของผู้ลงโฆษณาที่เฉพาะเจาะจง ให้ไปที่ส่วน "Audience Network" ในการตั้งค่าแอพ แล้วเลือกแท็บ “ตัวกรอง”

    ได้ อ่านคู่มือนี้ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการอ่านข้อมูลประสิทธิภาพของแอพด้วยโปรแกรม

    การได้รับสปอนเซอร์

    You can set up payments by completing the publisher payout forms. The forms are located under the payout tab in the "Audience Network" section in your app settings page. We require your bank name, SSN/TIN and tax information in order to process your payouts.

    Note: You need to set up your payout information for ad delivery to start.

    Contact us by clicking on "Need Help?" button within Audience Network Dashboard if you are having problems completing the forms.

    For more information see Add Payout Information.

    You will receive payment on approximately the 21st of each month for the previous month's balance. Read our Audience Network Terms for more information.

    Contact us by clicking on "Need Help?" button within Audience Network Dashboard if you do not receive a payment or if you have questions about the payout process.

    จะมีการชำระเงินเมื่อคุณสร้างรายรับขั้นต่ำได้รวมอย่างน้อย 100 ดอลลาร์ คุณจะได้รับการชำระเงินสำหรับยอดเงินของเดือนที่ผ่านมาในวันที่ 21 ของแต่ละเดือน

    อันดับแรก โปรดตรวจสอบแท็บ “Audience Network/การชำระเงิน” เพื่อยืนยันว่าคุณได้ทำโฟลว์การชำระเงินแล้ว

    ติดต่อเราโดยคลิกที่ปุ่ม “ต้องการความช่วยเหลือใช่หรือไม่” ภายในแดชบอร์ด Audience Network หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการชำระเงิน

    หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการชำระเงิน ให้ไปที่ส่วน "Audience Network" ในการตั้งค่าแอพของคุณ แล้วเลือกแท็บ “การรับชำระเงิน”

    เราเชื่อว่า Audience Network มอบประสบการณ์การโฆษณาบนมือถือที่จะช่วยให้ผู้เผยแพร่และผู้พัฒนาสามารถสร้างรายได้จากแอพของตน แต่เราไม่สามารถระบุส่วนแบ่งรายได้ที่แน่นอนได้ในเวลานี้ ข้อมูลการรายงานแบบทันทีและรายได้โดยประมาณจะอยู่ในส่วน "Audience Network" ในเพจการตั้งค่าแอพของคุณ

    การจัดการแอพของคุณ

    ในการเพิ่มบุคคลอื่นในบทบาทผู้ดูแลหรือผู้พัฒนาในแอพ Facebook ที่มีอยู่แต่เดิม ให้ไปที่แท็บ “บทบาท” ของแดชบอร์ดของแอพ แล้วเลือก "เพิ่มผู้ดูแล" หรือ "เพิ่มผู้พัฒนา"

    ในหัวข้อนี้

    ข้อมูลสำหรับแอพและบริการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก

    อธิบายความรับผิดชอบของคุณภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในระบบออนไลน์ของเด็กในสหรัฐอเมริกา (COPPA)

    การปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA)

    อธิบายวิธีจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของแอพหรือเว็บไซต์เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA)