เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2020 | ใช้งานได้ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2022 | บล็อกโพสต์
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับทุกเวอร์ชั่น
เราได้เพิ่มช่องใหม่ 2 ช่องให้กับส่วนขยาย Facebook Business เวอร์ชั่น 2
ID บัญชีโฆษณา (ad_account_id
) — แสดง ID บัญชีโฆษณาที่เลือกโดยผู้ใช้ภายใน FBE คุณสามารถใช้บัญชีโฆษณานี้เพื่อจัดการโฆษณาได้ หากแอพของคุณมีสิทธิ์การอนุญาต ads_management
ID แค็ตตาล็อก (catalog_id
) — ID แค็ตตาล็อกที่เลือกโดยผู้ใช้ภายใน FBE คุณสามารถใช้ ID นี้เพื่อจัดการแค็ตตาล็อกสินค้าของตนเองได้
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
ขณะนี้คุณสามารถส่งคำขอช่อง timestamp
ใน สื่อบน Instagram ที่ส่งคืนมาโดยใช้การสืบค้น GET /{ig-hashtag-id}/top_media
และ GET /{ig-hashtag-id}/recent_media
การค้นหาแฮชแท็กได้ ตัวอย่างเช่น GET /{ig-hashtag-id}/top_media?fields=timestamp
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไปและจะมีผลกับทุกเวอร์ชั่นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020
เมื่อเริ่มต้นการสนทนาใหม่หรือการสนทนาที่มีอยู่ดำเนินต่อไปผ่านทางปลั๊กอินแชทกับลูกค้า การแจ้งเตือน Webhook เบื้องต้น messaging_postbacks
และ messaging_referrals
จะมี ID user_ref
ที่ไม่ระบุตัวตนสำหรับผู้ใช้ แทนที่จะเป็น ID ในเพจ (PSID) ของผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้ดังกล่าวส่งข้อความ การแจ้งเตือน Webhook ที่ตามมาจะมี PSID ของผู้ใช้
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
เราเลิกใช้พร็อพเพอร์ตี้ home_url
บน โปรไฟล์ Messenger ของเพจ สำหรับการดำเนินการทั้งหมดแล้ว (GET
, POST
และ DELETE
)
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 และจะมีผลกับทุกเวอร์ชั่นในวันที่ 3 สิงหาคม 2020
POST /{user-id}/{open-graph-action-type-id}
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไปและจะมีผลกับทุกเวอร์ชั่นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2021
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2018 API เพจได้เริ่มส่งคืน ID ผู้ใช้ในเพจ (PSID) แทน ID ผู้ใช้ในแอพ (ASID) สำหรับแอพใหม่ทั้งหมด โดยแอพที่สร้างก่อนวันดังกล่าวจะยังคงได้รับ ASID ต่อไป เว้นแต่จะเลือกรับ PSID แทน ในตอนนี้ แอพทั้งหมดจะได้รับ PSID จาก API เพจ
API ของ ID ในเพจช่วยให้คุณสามารถจับคู่ ASID กับ PSID ที่เทียบเท่าได้ เราจะเลิกใช้ API ในเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป แต่สามารถใช้กับเวอร์ชั่นเก่าได้จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2021
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไปและจะมีผลกับทุกเวอร์ชั่นในวันที่ 3 สิงหาคม 2020
เราจะเลิกใช้ตำแหน่งข้อมูลต่อไปนี้
เราเลิกใช้สิทธิ์การอนุญาต manage_pages
แล้ว และแทนที่ด้วยสิทธิ์การอนุญาตใหม่ 4 รายการดังต่อไปนี้
เราเลิกใช้สิทธิ์การอนุญาต publish_pages
แล้ว และแทนที่ด้วยสิทธิ์การอนุญาตใหม่ 2 รายการดังต่อไปนี้
ระบบจะย้ายแอพที่ได้รับการอนุมัติสิทธิ์การอนุญาต manage_pages
หรือ publish_pages
หรือทั้งสองอย่างไปใช้สิทธิ์การอนุญาตใหม่ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2020
สำหรับแอพที่ส่งเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์การอนุญาต manage_pages
หรือ publish_pages
หรือทั้งสองอย่าง กระบวนการตรวจสอบจะดำเนินต่อไปตามปกติ เมื่ออนุมัติแล้ว ระบบจะย้ายแอพไปใช้สิทธิ์การอนุญาตใหม่ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2020
หากต้องการสมัครหรือส่งคำขอรับสิทธิ์การอนุญาตของเพจอีกครั้งก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2020 ให้เลือกสิทธิ์การอนุญาตที่คุณเห็นในแดชบอร์ดของแอพ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์การอนุญาต manage_pages
หรือ publish_pages
หรือทั้งสองอย่าง หรือสิทธิ์การอนุญาตใหม่ ระบบจะย้ายแอพของคุณไปใช้สิทธิ์การอนุญาตใหม่โดยอัตโนมัติภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2020 หากจำเป็น
หลังจากวันที่ 1 มิถุนายน 2020 สิทธิ์การอนุญาต manage_pages
และ publish_pages
จะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปในการเลือก "การตรวจสอบแอพ" > "สิทธิ์การอนุญาตและฟีเจอร์" ในแดชบอร์ดของแอพ
เราจะเลิกใช้สิทธิ์การอนุญาต manage_pages
และ publish_pages
อย่างสิ้นเชิงในเดือนพฤษภาคม 2022 คุณจะต้องนำการเปลี่ยนแปลงโค้ดของคุณไปใช้ก่อนวันดังกล่าว
โปรดไปที่บันทึกการเปลี่ยนแปลง SDK สำหรับ iOS และบันทึกการเปลี่ยนแปลง SDK สำหรับ Android เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับ SDK เหล่านี้
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไปและจะมีผลกับทุกเวอร์ชั่นในวันที่ 3 สิงหาคม 2020
เราจะเลิกใช้ตำแหน่งข้อมูลต่อไปนี้
เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2020 | ใช้งานได้ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2021 | บล็อกโพสต์
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
สำหรับแคมเปญโฆษณาที่เจาะจง คุณจะไม่สามารถกำหนดทั้ง lifetime_budget
และ spend_cap
พร้อมกันได้อีกต่อไป โดยคุณจะเลือกได้เพียง lifetime_budget
เท่านั้น
งบประมาณตลอดอายุการใช้งานของแคมเปญจะกระจายออกไปตลอดระยะเวลาของแคมเปญ เมื่อคุณใช้ lifetime_budget
ที่ระดับแคมเปญ ระบบจะรวมข้อมูลวงเงินใช้จ่ายไว้อยู่แล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินใช้จ่ายชุดที่สอง
คุณสามารถใช้ spend_cap
สำหรับแคมเปญที่ไม่ได้ใช้การปรับงบประมาณแคมเปญให้เหมาะสมต่อไปได้
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
เราเลิกใช้พารามิเตอร์ special_ad_category
บนตำแหน่งข้อมูล POST /act_<AD_ACCOUNT_ID>/campaigns
แล้ว และแทนที่ด้วยพารามิเตอร์ special_ad_categories
ใหม่
พารามิเตอร์ special_ad_categories
ใหม่เป็นพารามิเตอร์ที่จำเป็นและต้องยอมรับอาร์เรย์ หากคุณได้รับพารามิเตอร์ special_ad_category
ระบบจะยังส่งคืนสตริงอยู่ แต่คุณควรใช้ GET /{campaign-id}?fields=special_ad_categories
เพื่อให้ระบบส่งคืนอาร์เรย์กลับมา
โปรดดูรายละเอียดได้ที่หมวดหมู่โฆษณาพิเศษ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหมวดหมู่โฆษณาพิเศษในศูนย์ช่วยเหลือโฆษณา
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
เราเลิกใช้พารามิเตอร์ budget_rebalance_flag
แล้ว เราขอแนะนำให้คุณใช้การปรับงบประมาณแคมเปญให้เหมาะสมแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
GET /{atlas-ad-campaign-id}/cumulative_edited_date
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับเวอร์ชั่น 7.0 ขึ้นไป
เราเลิกใช้พารามิเตอร์ cpas_parent_catalog_settings
บนจุดเชื่อมโยง POST /PRODUCT_CATALOG_ID
สำหรับแอพของบุคคลที่สามแล้ว